วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ต้มกบเพื่อไทย

On September 5, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

แม้จะอยู่ในช่วงนับถอยหลังต้องลงจากเก้าอี้ ทั้งที่ไม่มีอำนาจกดปุ่มว่าจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบันก็ขยันเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในกลางปีหน้า

ล่าสุดเรียกผู้อำนวยการเลือกตั้งทั่วประเทศมาประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจโดยมอบคัมภีร์กลับไปให้ศึกษาเตรียมความพร้อม 15 ฉบับ

กกต.ชุดที่จะถูกเซตซีโร่คาดการณ์ปฏิทินการเมืองเอาไว้ว่า ประมาณกลางเดือนธันวาคมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่ยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะส่งร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา และกฎหมายน่าจะผ่านความเห็นชอบจาก สนช.ออกมามีผลบังคับใช้ได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

เมื่อกฎหมายบังคับใช้กกต.จะเริ่มกระบวนการสรรหา ส.ว.ทั่วประเทศ 200 คน เพื่อส่งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จิ้มเลือกเหลือ 50 คน เพื่อไปรวมกับที่คสช.เลือกสรรมาเองอีก 200 คน รวมเป็น 250 คน ทำหน้าที่เป็นส.ว.ชุดแรกหลังรัฐประหาร คาดว่าจะได้เห็นโฉมหน้าส.ว.ชุดแรกช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนปีหน้า

สำหรับการเลือกตั้งส.ส.น่าจะมีขึ้นได้ช่วงเดือนสิงหาคม 2561

แม้จะเป็นการคาดการณ์ของกกต.ซึ่งมีหน้าที่จัดเลือกตั้ง แต่ไม่มีอำนาจกดปุ่มว่าจะให้เลือกตั้งกันได้เมื่อไหร่ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้เชื่อว่าโอกาสที่จะเป็นไปตามล็อกที่กกต.คาดการณ์ไว้เป็นไปได้สูง

ทั้งนี้ เพราะเชื่อว่านักการเมืองต่างครั่นเนื้อครั่นตัวอยากลงสนามเลือกตั้งใจจะขาด หากไม่มีอะไรที่มีน้ำหนักมากพอมาทำให้สถานการณ์เกิดจุดเปลี่ยน เชื่อว่านักการเมืองโดยเฉพาะซีกเพื่อไทยจะยอมกลืนเลือดอดทนรอการเลือกตั้งมากกว่าจะที่ออกมาเคลื่อนไหวทำอะไรให้อีกฝ่ายใช้เป็นข้ออ้างยืดกำหนดการเลือกตั้งออกไปอีก

ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่าจะนิ่งเงียบเตรียมความพร้อมจัดทำนโยบายต่างๆ รอเวลาสำหรับการเลือกตั้ง เมื่อเวทีเลือกตั้งเปิดเมื่อไหร่จะประกาศนโยบายต่างๆเพื่อใช้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ใจว่าการนิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวจะใช้ได้ผลหรือไม่ เพราะการนิ่งไม่ต่างอะไรจากการตกเป็นเป้าให้อีกฝ่ายโจมตี

จะเห็นได้ว่าช่วงนี้นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝั่งตรงข้ามออกมาขยี้ปมทุจริตโดยขยายผลจากคดีรับจำนำข้าวเพื่อกระทบชิ่งมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อทาสีซ้ำๆให้เป็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆในความรู้สึกของประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยทำโครงการรับจำนำข้าวขึ้นมาเพื่อหาผลประโยชน์ โดยยกกรณีอดีตรัฐมนตรีของพรรคถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก และการหนีคดีไม่ไปศาลเพื่อฟังคำตัดสินของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังทำให้ประชาชนเชื่อว่าวางแผนหนีมานานแล้ว ไม่ได้คิดสู้อย่างปากพูดขึ้นมาเป็นเชื้อเพื่อโหมไฟในเรื่องนี้

พรรคเพื่อไทยไม่ควรนิ่งนอนใจว่านโยบายรับจำนำข้าวที่ทำให้ชาวนาได้รับผลประโยชน์จะเป็นนโยบายที่มัดหัวใจชาวนาเอาไว้ได้ เมื่อรัฐบาลทหารคสช.ใช้นโยบายไม่ต่างกัน ให้ผลประโยชน์กับชาวนาไม่น้อยไปกว่ากัน เพียงแค่เรียกชื่อต่างกัน หนำซ้ำยังปิดข่าวเรื่องการทุจริตได้มิดชิด นักการเมือง กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยก็ไม่สนใจตรวจสอบเพราะรู้ดีว่าหากไปร่วมตรวจสอบจะช่วยตีปี๊บสร้างคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ดังจะเห็นได้จากกรณีความไม่ชอบมาพากลเรื่องการขายข้าวดีเป็นข้าวอาหารสัตว์ที่พรรคเพื่อไทยส่งเสียงดังแทบตายแต่ไม่มีใครให้ความสนใจเรื่องนี้เลย จนเสียงของพรรคเพื่อไทยค่อยๆเงียบลงไปเอง

สถานะของพรรคเพื่อไทยตอนนี้จึงเป็นเป้านิ่งให้ฝ่ายตรงข้ามต่อยเก็บคะแนนทำลายความน่าชื่อถือลงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง นักการเมืองที่อาศัยชื่อพรรคเป็นตัวเรียกคะแนนในสนามเลือกตั้งจะเปิดตูดเดินหนีออกจากพรรค

ส่วนประชาชนทั่วไปถ้าใครไปงานบุญตามวัดต่างๆ ลองฟังสิ่งที่ประชาชนคุยกันดูจะเห็นว่าส่วนมากเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ส่วนที่บรรดาอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยสะท้อนออกมาว่าคนชนบทยังรักพรรคเพื่อไทย อยากให้ปลอมตัวไปฟังคนที่ไม่รู้จักอดีตส.ส. หัวคะแนนคุยกัน

จะได้รู้ว่าเสียงจริงๆของประชาชนเวลาที่เขาพูดอย่างไม่ต้องเกรงใจคนฟังนั้นเขาคิดเห็นอย่างไรกับพรรคเพื่อไทยในตอนนี้ สถานะของพรรคเพื่อไทยจึงไม่ต่างอะไรกับกบถูกต้มที่หลงเพลินกับน้ำอุ่นกว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว


You must be logged in to post a comment Login