- ปีดับคนดังPosted 14 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
คับแคบไม่อันตรายเท่าไร้ขอบเขต / โดย บรรจง บินกาซัน
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
แม้ศาสนาเกิดขึ้นมาในอดีต และคำสอนของศาสนายังคงอยู่มาถึงปัจจุบันและต้องอยู่ตลอดไปจนถึงวันสิ้นโลก แต่คำสอนของศาสนาไม่ได้ล้าสมัย ความเข้าใจของศาสนิกผู้นับถือศาสนานั้นๆต่างหากที่ทำให้คนเข้าใจว่าศาสนาเป็นสิ่งล้าสมัย
หลายสิบปีก่อนผมมีโอกาสพูดคุยกับชาวอัฟกันคนหนึ่งในตอนเหนือของปากีสถาน เขาบอกว่าเขาอยากมาเมืองไทย แต่มีอุปสรรคบางอย่าง นั่นคือเขาไม่สามารถทำหนังสือเดินทางได้ เพราะเขาต้องถ่ายรูปซึ่งศาสนาอิสลามห้าม
เขายังอ้างอีกว่า แผ่นดินบนโลกใบนี้เป็นของพระเจ้า คนในอดีตไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง แต่เดี๋ยวนี้ทำไมต้องมีหนังสือเดินทาง
ผมไม่โต้เถียงอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่อยากเสียมิตรภาพ เพราะเรื่องความเชื่อทางศาสนากับการเมืองถ้ามันฝังอยู่ในใจคนแล้วยากที่จะขุด จึงได้แต่คิดอยู่ในใจว่าถ้าคิดอย่างนี้ก็อย่าได้ไปเห็นแผ่นดินอื่นๆที่พระเจ้าได้สร้างไว้อย่างสวยงามเลย
ถามว่าในคำสอนของอิสลามมีข้อห้ามเรื่องทำรูปที่เป็นทั้งรูปวาดและรูปปั้นไหม คำตอบคือมี ไม่ใช่เฉพาะอิสลามเท่านั้น ข้อห้ามทำรูปโดยเฉพาะรูปปั้นก็มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังข้อห้ามก็เพราะศาสนากลัวว่าเมื่อมนุษย์วาดภาพหรือทำรูปปั้นขึ้นมาแล้ว มนุษย์จะให้ความสำคัญแก่รูปวาดและรูปปั้นที่มนุษย์ทำขึ้นมาจนถึงกับบูชาสักการะรูปเหล่านั้นควบคู่ไปกับพระเจ้าหรือแทนพระเจ้า ซึ่งถือเป็นบาปใหญ่ที่สุดในศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
การวาดภาพหรือปั้นรูปสิ่งที่มองไม่เห็นบางอย่างเช่นทูตสวรรค์เกิดขึ้นมานานก่อนหน้าสมัยอิสลาม ในโบสถ์อายาโซเฟีย ตุรกี มีภาพทูตสวรรค์อยู่บนมุมหนึ่งใต้โดมตรงกลางอาคาร
ชาวอาหรับเคยนำรูปเคารพนับร้อยมาตั้งไว้รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺเพื่อการบูชาสักการะ บนผนังก๊ะอฺบ๊ะฮฺชาวอาหรับยังวาดรูปนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลถือธนูเสี่ยงทายไว้อีกด้วย เมื่อนบีมุฮัมมัดพิชิตมักก๊ะฮฺ ท่านได้สั่งให้ลบรูปวาดนั้น และบอกผู้คนว่าชาวอาหรับรู้ดีว่านบีอิบรอฮีมและลูกชายของท่านไม่เคยทำเช่นนั้น และสั่งให้ทำลายรูปเคารพทั้งหมด
หลังจากนั้นท่านได้ออกคำสั่งห้ามมุสลิมวาดรูปและทำรูปปั้น นับแต่นั้นมุสลิมจึงไม่มีรูปภาพหรือรูปปั้นพระเจ้าไว้สักการะ อย่าว่าแต่รูปพระเจ้าเลย แม้แต่รูปนบีมุฮัมมัดก็ยังไม่มี
อย่างไรก็ตาม หลังสมัยนบีมุฮัมมัด เมื่อโลกอิสลามเจริญรุ่งเรือง นักวิชาการมุสลิมบางคน เช่น อิบนุสินา ที่โลกตะวันตกยกย่องเป็นบิดาทางการแพทย์ ได้วาดกายภาพของมนุษย์เพื่ออธิบายถึงตำแหน่งและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับการถ่ายทอดความรู้ การวาดภาพด้วยเจตนาที่มิใช่เพื่อการเคารพสักการะจึงไม่เป็นที่ต้องห้าม การเรียนวาดภาพเพื่อใช้ประโยชน์บางอย่าง เช่น การสเกตช์ภาพคนร้าย การวาดภาพเพื่อถ่ายทอดการแต่งกายและวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต จึงสามารถทำได้เมื่อพิจารณาจากเจตนารมณ์ของศาสนา เพราะคำสอนของศาสนาไม่เพียงแต่เป็นตัวอักษรที่อยู่ภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีเจตนารมณ์อยู่ภายในด้วย
เมื่อโลกตะวันตกฉีกตัวออกจากศาสนาและเจริญก้าวหน้าหลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ การวาดภาพไม่มีขอบเขตจำกัดทางศีลธรรม ภาพวาดและภาพปั้นหญิงเปลือยกายในท่าทางต่างๆถูกทำขึ้นมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ สถาบันการศึกษาถือคติตามฝรั่งว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระเจ้า ดังนั้น การวาดภาพผู้หญิงเปลือยกายจึงถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนศิลปะวาดภาพ และกิจกรรมการประกวดเรือนร่างของผู้หญิงถูกจัดขึ้นมาในรูปแบบต่างๆจนเป็นที่แพร่หลาย
การตีความคำสอนของศาสนาด้วยความคิดอันคับแคบของหนุ่มชาวอัฟกันอาจทำให้เขาลำบากในการปรับตัวเข้ากับความเจริญของโลก แต่การวาดภาพหรือการทำรูปปั้นของชาวตะวันตกอย่างไม่มีขอบเขตทางศีลธรรมนั้นสร้างความเสียหายให้แก่มนุษย์ในโลกที่กำลังเจริญทางวัตถุอย่างมากมายหลายพันเท่า
You must be logged in to post a comment Login