วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ตายตามลำพัง / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On September 11, 2017

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนพบร่างหญิงสาวนั่งเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้หน้าทีวีภายในห้องเช่าโดยที่ทีวียังคงเปิดอยู่ จากการชันสูตรพบว่าเธอเสียชีวิตมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานไม่รู้เรื่องและไม่เคยคิดจะตามหา จนกระทั่งมีคนมาพบศพ

วันที่ 25 มกราคม 2006 เจ้าหน้าที่การเคหะเอื้ออาทรของกรุงลอนดอนพบว่าผู้เช่ารายหนึ่งค้างชำระค่าเช่าอยู่อาศัยมานานกว่า 2 ปีแล้ว รวมเป็นเงิน 2,400 ปอนด์ จึงเดินทางมาหาเพื่อแจ้งขับไล่ออกจากห้องเช่า เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ เขาพยายามเคาะประตูเรียกอยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เจ้าหน้าที่การเคหะจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป

ภายในห้องเช่าพบโครงกระดูกมนุษย์บนเก้าอี้หน้าทีวีที่ยังคงเปิดช่องบีบีซี 1 ร่างของเธอเน่าเปื่อยจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจสอบจากประวัติทำฟัน พบว่ามันคือโครงกระดูกของจอยซ์ วินเซนท์ อายุ 38 ปี ผู้เช่าห้องพักดังกล่าว

ญาติมีแต่ไม่คบ

มารดาของจอยซ์เสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้ 11 ปี หลังจากนั้นเธอก็อยู่กับบิดาและพี่สาวอีก 4 คน เธอเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลายเพราะลาออกกลางคันเมื่ออายุ 16 ปี ช่วงระหว่างปี 1985-2001 จอยซ์ทำงานในบริษัทใหญ่ๆหลายแห่ง ก่อนจะมาจบที่ตำแหน่งแม่บ้านในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง

จอยซ์มีประวัติถูกครอบครัวทำทารุณกรรม ทำให้เธอย้ายออกมาเช่าบ้านที่รัฐบาลจัดสรรให้กับผู้ที่มีปัญหาภายในครอบครัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2003 เธออยู่ที่นี่ตามลำพังและเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะเกรงว่าคนอื่นจะรู้เรื่องที่น่าอับอายของเธอ ขณะที่พี่สาวของเธอว่าจ้างนักสืบเอกชนสืบหาที่อยู่ แต่เมื่อได้ข้อมูลก็สายเกินไปเสียแล้ว

จอยซ์ป่วยด้วยโรคฝีในกระเพาะอาหารและหอบหืด ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ประตูและหน้าต่างภายในห้องเช่าปิดมิดชิด ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ข้างๆศพมีถุงช็อปปิ้ง กล่องของขวัญวันคริสต์มาส และอาหารบรรจุภาชนะหมดอายุปี 2003 จึงสันนิษฐานว่าเธอน่าจะเสียชีวิตเมื่อราวเดือนธันวาคม 2003

เรื่องราวของจอยซ์เป็นที่โจษจันเมื่อกว่า 10 ปีก่อน แต่เธอไม่ใช่คนเดียวที่เสียชีวิตกลางเมืองใหญ่นานนับปีโดยที่ไม่มีเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องรู้เรื่องจนกระทั่งมีคนมาพบศพ

รักสันโดษ

ปี 2006 เจนีวา แชมเบอร์ ซื้อบ้านหลังหนึ่งในเมืองแทมปาเบย์ รัฐฟลอริดา เธอเป็นคนรักสันโดษ ไม่สุงสิงกับเพื่อนบ้าน และมักจะขับไล่คนที่เดินลัดสนามหญ้าหน้าบ้านเสมอๆ ทำให้เพื่อนบ้านทุกคนไม่ให้ความสนใจเจนีวาเช่นเดียวกัน

เจนีวาไม่ดูแลพื้นที่บริเวณรอบๆบ้าน ปล่อยให้รกร้าง จึงถูกติดหมายเตือนที่หน้าประตูบ้านเมื่อปี 2009 แต่เจนีวาก็ยังคงไม่ทำอะไร เดือนมิถุนายน 2010 การไฟฟ้าและการประปาทำการตัดน้ำตัดไฟ บ้านของเจนีวาจึงกลายสภาพเป็นบ้านร้างอย่างถาวร

ปี 2013 ช่างตัดหญ้าคนหนึ่งบังเอิญเหลือบไปเห็นประตูบ้านเจนีวาบานหนึ่งเปิดแง้มอยู่ เขาถือวิสาสะเข้าไปดูในบ้าน พบเจนีวานอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงจึงแจ้งตำรวจให้มาทำการสืบสวน สภาพศพเน่าเปื่อยจนเหลือแต่โครงกระดูก สันนิษฐานว่าเจนีวาเสียชีวิตราวปี 2010

ตลอดระยะเวลา 3 ปี ไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงพยายามติดต่อกับเจนีวาแม้แต่คนเดียว แต่จากการที่อุปนิสัยของเธอไม่ชอบสุงสิงกับใคร จึงทำให้ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครพยายามติดต่อกับเธอเช่นเดียวกัน

ไร้คนห่วงใย

ปี 2012 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน เดินทางไปบ้านหลังหนึ่งเพื่อแจ้งอายัดบ้านนำไปขายทอดตลาดชำระเป็นค่าภาษีที่ค้างชำระนานหลายปี เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็พบร่างของเดวิด คาร์เตอร์ เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่ที่เชิงบันได สภาพศพเหลือแต่โครงกระดูก มีรอยกระสุนที่กะโหลกศีรษะ บนหน้าอกมีปืนพกสั้นวางอยู่

เดวิดลาออกจากงานเมื่อปี 2007 โดยบอกกับเพื่อนๆว่าจะย้ายไปอยู่รัฐนิวเม็กซิโก ทำให้ไม่มีใครสงสัยการหายตัวไปของเดวิดจนกระทั่งมีคนพบศพเขาเสียชีวิตอยู่ในบ้าน ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ปี

เดือนพฤศจิกายน 2012 ผู้อาศัยในแฟลตแห่งหนึ่งที่เมืองไบรตัน มณฑลอีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ แจ้งเจ้าของตึกให้แก้ไขเรื่องกลิ่นเหม็นแปลกๆในอาคาร เจ้าของตึกจ้างคนทำความสะอาดมืออาชีพมาตรวจสอบ พบว่ากลิ่นเหม็นนั้นโชยออกมาจากห้องๆหนึ่งในอาคารจึงไขกุญแจเข้าไป

ภายในห้องพบร่างที่เหลือแต่โครงกระดูกของไซมอน อัลเลน วัย 50 ปี เพื่อนข้างห้องให้การว่าพบเห็นไซมอนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม 2010 แต่ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดว่าเขาย้ายออก ส่วนกลิ่นเหม็นที่โชยออกมานั้นไม่รุนแรงจึงไม่ได้แจ้งให้เจ้าของตึกทราบจนกระทั่งถึงปี 2012

ส่วนกรณีคนหายที่ยาวนานที่สุดน่าจะได้แก่กรณีของเฮดวิกา โกลิก เธอเกิดเมื่อปี 1924 อาศัยอยู่ในแฟลตแห่งหนึ่งในเมืองซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย เพื่อนบ้านพบเห็นเธอครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1966 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเธออีกเลยและเข้าใจกันไปเองว่าเธอย้ายไปอยู่ที่อื่น

ปี 2010 เพื่อนบ้านเพิ่งจะเอะใจว่าห้องที่เฮดวิกาเคยอาศัยอยู่นั้นว่างมานานกว่า 42 ปี จึงแจ้งให้เจ้าของแฟลตมาช่วยดูว่าจะทำอะไรกับห้องว่างนี้ได้บ้าง เมื่อเจ้าของแฟลตงัดห้องเข้าไปก็พบโครงกระดูกเฮดวิกานั่งบนเก้าอี้ มีถ้วยชาวางอยู่บนโต๊ะ สันนิษฐานว่าเธอเสียชีวิตขณะนั่งดื่มน้ำชา สิ่งของภายในห้องยังอยู่เป็นที่เป็นทาง เพียงแต่มีฝุ่นและใยแมงมุมเกาะ

ยังมีอีกหลายคดีที่พบผู้เสียชีวิตภายในบ้านตนเองนานเกินกว่า 1 ปี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจะไม่รู้เรื่อง และไม่เคยติดต่อสอบถามข่าวคราวพวกเขาเลย ปล่อยให้พวกเขา “ตายตามลำพัง”


You must be logged in to post a comment Login