- ปีดับคนดังPosted 4 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
เลือกพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรดี / โดย ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : ผศ.นพ.ชาตรี วิฑูรชาติ
สมัยนี้พ่อแม่มากมายมักไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูกของตนเอง ทำให้บ่อยครั้งเรามักเห็นหน้าที่ความเป็นแม่ตกอยู่ที่ย่ายาย หรือไม่ก็ญาติผู้ใหญ่ แม้กระทั่งสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นแหล่งยอดฮิตของผู้เป็นแม่ในสังคมเมือง ว่าแต่คุณคิดไหมว่าพี่เลี้ยงเด็กสำคัญอย่างไร
พ่อแม่หลายคนมักประเมินความสำคัญของพี่เลี้ยงเด็กต่ำเกินไป คิดว่ามีใครสักคนมาดูแลเรื่องกิน อยู่ หลับนอนได้ก็พอแล้ว เข้าใจว่าเด็กเล็กๆคงต้องการเพียงเท่านั้น เราจึงพบบ่อยๆว่ามีเด็กหญิงอายุ 15-16 ปี จากชนบทมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กตามบ้าน บางบ้านอาจเห็นแรงงานต่างชาติก็มี ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง
เนื่องจากบทบาทหน้าที่ของพี่เลี้ยงเด็กนั้นเป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งของธรรมชาติ ซึ่งเขาจะต้องทำหน้าที่ของความเป็นแม่ ไม่ใช่เฉพาะการกิน อยู่ หลับนอนเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย สร้างความผูกพันที่มั่นคงกับเด็กทางอารมณ์และจิตใจ สามารถสื่อสารรับรู้อารมณ์ ความต้องการของเด็ก และตอบสนองได้ถูกต้อง มีความสามารถจัดสภาพแวดล้อม เตรียมกิจกรรมการเล่น และมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างเหมาะสม
สิ่งเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะส่งเสริมให้สมองของเด็กเติบโต ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา บุคลิกภาพ รวมทั้ง IQ และ EQ ซึ่งช่วงอายุแรกเกิดถึง 3 ปี เป็นช่วงที่มีการเติบโตและพัฒนามากและรวดเร็วที่สุด
การเลือกพี่เลี้ยงเด็กจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมีปัจจัยที่ควรพิจารณาดังนี้
1.อายุ ควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และวิจารณญาณเพียงพอ โดยทั่วไปอายุมากขึ้นยิ่งดี แต่ต้องมีสุขภาพแข็งแรงพอ เพราะงานดูแลเด็กเล็กไม่ใช่เรื่องเบาๆ
2.ประสบการณ์และการศึกษา ควรมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กมาก่อน เช่น เคยทำงานด้านนี้มาก่อนหรือเคยเลี้ยงลูก เลี้ยงหลานมาบ้างแล้ว หากเป็นไปได้ควรมีการศึกษาตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นต้นไป เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานและสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ยิ่งหากเคยฝึกอบรมในหลักสูตรเกี่ยวกับพัฒนาการหรือการเลี้ยงดูเด็กมาก่อนด้วยจะยิ่งดีมาก
3.ร่างกาย ควรมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงเพียงพอ เพราะเด็กไม่ได้เป็นตุ๊กตาที่จะอยู่เฉยให้ดูแลง่ายๆ ต้องไม่มีโรคติดต่อ เช่น วัณโรค โรคผิวหนัง หรือเจ็บป่วยบ่อย ๆ เช่น เป็นหวัดจนเป็นแหล่งแพร่เชื้อให้กับเด็ก จึงควรสังเกตสภาพร่างกายตลอดจนเอกซเรย์ปอดก่อนรับมาดูแลเด็ก
4.บุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอ ควรเป็นคนรักความสะอาด ละเอียดลออ รอบคอบ ใจเย็น ทนเสียงเด็กร้องได้ ชอบอยู่กับเด็ก ชอบพูดคุยและเล่นกับเด็ก ร่าเริงตื่นตัว มีความคิดสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก เช่น เล่านิทาน ร้องเพลง ทำของเล่นจากสิ่งของรอบตัว
5.ไว้ใจได้ พ่อแม่ต้องวางใจได้ว่าลับหลังคุณแล้ว เขาจะไม่ปล่อยปละทอดทิ้ง หรือแม้แต่ทำร้ายเด็กทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ
การเลือกพี่เลี้ยงให้ลูกจึงต้องพิถีพิถันไม่น้อย นอกจากควรพบปะพูดคุยก่อนแล้ว ยังต้องสังเกตบุคลิกลักษณะท่าที สอบถามถึงคุณสมบัติต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้วเสียก่อน แต่บางครั้งข้อมูลจากการสัมภาษณ์ก็บอกไม่ได้ว่าจะเท็จจริงแค่ไหน อีกทั้งการดูบุคลิกลักษณะนิสัยใจคอจากการสัมภาษณ์ 1-2 ครั้งก็ยังไม่แน่นอน ดังนั้น จึงควรเป็นคนที่เรารู้จักครอบครัวของเขา หรือรู้ที่มาที่ไปของเขา เช่น รู้จักญาติ หรือมีข้อมูลจากคนที่รู้จักเขามาเป็นเวลานาน หรือสอบถามจากเจ้านายที่เขาเคยทำงานด้วยมาก่อน ถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้ก็อาจให้เขามาทดลองทำงานชั่วคราวดูก่อน และคอยสังเกตใกล้ชิด เพื่อมีโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอเขาได้
ระวัง! อย่าปล่อยให้พี่เลี้ยงดูแลเด็กเล็กตามลำพังในบ้าน เพราะอาจเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดดังที่เคยมีมา อย่างน้อยควรมีคนที่ไว้ใจได้ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย สอดส่องดูแลอยู่ห่างๆด้วย นอกเสียจากว่าคุณจะโชคดีได้พี่เลี้ยงเด็กที่ดีและไว้ใจได้จริงๆ
You must be logged in to post a comment Login