วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

กฎหมายคือกฎหมาย? / โดย กองบรรณาธิการ

On September 18, 2017

คอลัมน์ : กระแสบ้านเมือง

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ

กรณีกระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ป่าชุมชนบ้านโคกห้วยเม็ก ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 63 ตารางวา เพื่อขยายเขตโรงงานทำเป็นที่เก็บน้ำสำหรับโรงงานน้ำดื่มและเครื่องดื่ม ทำให้ประชาชนในพื้นที่รวมตัวกันคัดค้าน ซึ่งป่าห้วยเม็กกำหนดการใช้ประโยชน์ให้เก็บหาของป่าและเป็นทางน้ำผ่านตามธรรมชาติเชื่อมกับห้วยทรายไปลงน้ำพอง ห่างจากสปริงเวย์ของเขื่อนอุบลรัตน์ประมาณ 1 กิโลเมตร

นอกจากนี้ชาวบ้านยังระบุว่า เป็นการอนุญาตเกินกำหนดในระเบียบกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการใช้ที่ นสล. ข้อ 23 (3) ในแต่ละจังหวัดอนุญาตให้ได้รายละไม่เกิน 10 ไร่ เว้นมีเหตุสมควร ซึ่งหนังสือ มท. ให้เหตุผลว่า “ที่สาธารณะห้วยเม็กอยู่กึ่งกลางในเขตประกอบการอุตสาหกรรมของบริษัทฯ และบริษัทฯมีความจำเป็นต้องขยายกิจการและก่อสร้างอาคารโรงงานเพื่อประกอบการอุตสาหกรรม”

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า บริษัทได้ซื้อที่ดินบริเวณโดยรอบป่าชุมชนตั้งแต่ช่วงปี 2555 ก่อนจะมาขอใช้ที่ดินเพื่อขยายโรงงานช่วงปี 2558 แต่ถูกชาวบ้านคัดค้านมาโดยตลอด ทำให้เป็นเรื่องคาราคาซังมาจนถึงปัจจุบัน

การลงนามอนุมัติของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงส่อเจตนาชัดเจนว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็คง “ตายกับตาย” แต่ไม่ใช่รัฐบาลทหารภายใต้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็ถามว่าการลงนามคำสั่งดังกล่าวในทางกฎหมายถือว่าเป็น “ความผิดสำเร็จแล้วตั้งแต่ลงนาม” หรือไม่? แม้ พล.อ.อนุพงษ์จะออกมาประกาศ “ปลดล็อกตัวเอง” ว่า หากมีประชาชนแม้แต่คนเดียวไม่เห็นด้วยก็จะดำเนินการเพิกถอนคำสั่งทันทีและต้องหาคนทำผิดให้ได้

แม้คำพูดของ พล.อ.อนุพงษ์จะเหมือนพลิกจากวิกฤตให้เป็นโอกาส พลิกจากเกือบจะเป็นผู้ร้ายให้กลายมาเป็นพระเอกก็ตาม เรื่องนี้ก็ต้องมีการสอบสวนและชี้แจงกับประชาชนให้ชัดเจน ซึ่งนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เซ็นอนุมัติให้บริษัทในเครือ “กระทิงแดง” ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชุมชนเพื่อขยายโรงงานอุตสาหกรรม

นายศรีสุวรรณยังเปรียบว่ากรณีนี้เหมือนการ “ถ่มน้ำลายขึ้นฟ้ารดหน้าตัวเอง” เพราะเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน ทั้งที่เจตนารมณ์ในการเข้ามาบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือการสร้างความโปร่งใสและปราบโกง

การสอบสวนจะออกมาอย่างไรคงไม่มีใครคาดหวังอะไรนัก แม้แต่ ป.ป.ช. ที่มี “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายก็เหมือนกับหลายกรณีที่ คสช. หรือคนที่เกี่ยวข้องกับ คสช. เป็นข่าวฉาว แล้วเรื่องก็ออกมาในทำนองคล้ายๆกัน

แม้ “ทั่นผู้นำ” จะประกาศว่า “กฎหมายคือกฎหมาย” แต่เป็นกฎหมายภายใต้ “อำนาจพิเศษ” นั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้?


You must be logged in to post a comment Login