- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
ผู้ว่าฯปีเดียว! / โดย ณ สันมหาพล
คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล
ทุกเดือนกันยายนคนต่างจังหวัดต้องพูดเรื่องได้ผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ซึ่งมักจะมาเป็นแค่ปีเดียว ปีหน้าก็เกษียณอายุ เรียกว่าเป็นประเพณีการปกครองของประเทศไทยไปแล้วก็ได้ นี่ยังไม่พูดถึงการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชากองทัพที่จะอยู่ในตำแหน่งเพียง 1-2 ปี
เคยมีอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งอธิบายว่า ทำไมผู้ว่าฯที่ถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดจึงต้องอยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย 5 ปี เพราะปีแรกเป็นปีที่ออกตระเวนพบปะพูดคุยกับประชาชนเพื่อทำความรู้จักและรับทราบปัญหา ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับการดูแล ทั้งยังทำให้ผู้ว่าฯได้เห็นแนวทางการสร้างความเจริญให้จังหวัดในปีที่ 2 โดยนำสิ่งที่เห็นไปประมวลและวางแผน
เวลา 1 ปีต้องพบปะกับผู้สันทัดกรณี ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนผู้นำในจังหวัด เมื่อผู้มีอำนาจให้ความเห็นชอบแล้ว จึงใช้ปีที่ 3 ลงมือทำตามแผน ผลงานจะปรากฏในปีที่ 4 และ 5 ซึ่งจะชี้วัดได้อย่างดีถึงความสามารถของผู้ว่าฯ ไม่ใช่เพียงพูดลอยๆคุยโอ้อวดอย่างที่เป็นมาตลอด
ดังนั้น ถ้าเป็นผู้ว่าฯแค่ปีเดียว โอกาสที่จะพัฒนาจังหวัดให้เจริญแทบไม่มี นักธุรกิจและบุคคลสำคัญในจังหวัดก็ไม่อยากใกล้ชิดด้วย เพราะแค่ปีเดียวจะใกล้ชิดไปทำไม เปลืองตัวเปล่าๆ
ตัวอย่างจังหวัดที่ผู้ว่าฯดำรงตำแหน่งนานแล้วทำให้จังหวัดมีความเจริญก็มีตัวอย่างให้เห็นไม่น้อย อย่างสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมุหเทศาภิบาลล้วนอยู่ในตำแหน่งหลายปี โรงเรียน โรงพยาบาล ศาล และสถานที่สำคัญทุกวันนี้ล้วนเกิดจากคนเหล่านี้
ตรงข้ามกับปัจจุบันที่แต่ละจังหวัดจะมีผู้ว่าฯมาดำรงตำแหน่งแค่ปีเดียว ทำให้ไม่มีโอกาสทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งที่หลายจังหวัดมีศักยภาพสูงในการจะพัฒนาและทำให้ประเทศเจริญด้วย คือเป็นแหล่งผลิตและการบริการไม่น้อยหน้าประเทศใดในโลก อย่างแหล่งปลูกพืชหายากและมีการซื้อขายกันทั่วโลก แหล่งปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษที่นับวันจะเติบโต โดยเฉพาะตลาดซื้อขายออนไลน์ ความสำเร็จทางการรักษาพยาบาลในหลายจังหวัดที่ใช้แพทย์แผนไทย ซึ่งยังมีสมุนไพรที่จะพัฒนาได้อีกมากมาย
จังหวัดที่มีสถานศึกษาชั้นนำ ทำให้จังหวัดเป็นแหล่งเรียนรู้วิชาการที่สำคัญ อย่างการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งจะมีผู้เข้ามาลงทุนจำนวนมากและต้องการพนักงานที่มีความรู้ จังหวัดจึงต้องมีส่วนสำคัญในการพัฒนาแรงงานให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน ร่วมวางแผนกับสถานศึกษาให้กับคนในประเทศและประเทศใกล้เคียงเหมือนในยุโรป
การวางรากฐานการเรียนการสอนให้มีความเป็นสากล ซึ่งปัจจุบันทำได้ไม่ยาก รวมถึงการหาผู้สอนที่สามารถสอนผ่านทางไกลได้ จังหวัดก็จะมีความสำคัญและสร้างรายได้มากขึ้น โดยจังหวัดต้องวางแผนและเตรียมความพร้อมให้ โดยเฉพาะคนต่างชาติที่มาพักอาศัย
ยังไม่รวมถึงการเปิดสอนวิชาที่จำเป็นในเรื่องการค้า ไม่ว่ากัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม ถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะล้วนเป็นประเทศเกิดใหม่ที่ยังมีศักยภาพทางเศรษฐกิจอีกมาก
ดังนั้น ถ้าพัฒนาการเรียนสอนให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการก็จะส่งผลต่อจังหวัดที่จะเจริญเติบโตด้วย ซึ่งประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางของการศึกษาได้เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วในโลก แต่ต้องไม่ลืมว่าทุกโครงการต้องมีความต่อเนื่อง ไม่ใช่ให้ผู้ว่าฯแค่ปีเดียวมาดำเนินการ
อย่างการแต่งตั้งนายทหารระดับสูงในกองทัพให้ดำรงตำแหน่งเพียง 1-2 ปี เรื่องนี้กองทัพทั่วโลกพูดกันนานแล้ว เพราะเป็นธรรมเนียมที่ทุกแห่งจะมีการบันทึกประวัตินายทหารชั้นผู้ใหญ่ ปรากฏว่าผู้บันทึกประวัติกองทัพไทยต่างเบื่อหน่ายอย่างมาก เพราะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมประวัติกันทุกปี
ยังไม่รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องต้องจัดตารางการไปแสดงความยินดี ไปอวยพรในโอกาสต่างๆ เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณไม่น้อย ขณะที่กองทัพไทยมีนายพลมากจนถูกวิจารณ์ต่างๆนานา
ที่สำคัญคือตำแหน่งระดับสูงสุดในกองทัพที่กลายเป็นสมบัติผลัดกันชมหรือระบบอุปถัมภ์ไม่ต่างกับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
You must be logged in to post a comment Login