วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ยุทธศาสตร์ท่วมหัว

On October 2, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเข้าร่วมเป็นกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านความสามารถในการแข่งขัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลทหารคสช.ได้ภาพว่าพร้อมเปิดรับทุกฝ่ายเพื่อปูทางไปสู่การสร้างความปรองดอง แต่การเป็นกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ฯ บทบาทหน้าที่มีแค่คิดและนำเสนอ ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ ถ้าจะหวังกระแสของ นายชัชชาติ ช่วยฉุดภาพลักษณ์ให้รัฐบาลทหารคสช.เหมือนสมัยทำงานกับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงเป็นเรื่องยาก ความพึงพอใจของประชาชนวัดกันที่ผลความสำเร็จของงาน ไม่ใช่จำนวนแผนยุทธศาสตร์ว่ามีกี่แผ่น กี่ด้าน ต่อให้มีแผนยุทธศาสตร์กองเท่าภูเขา ถ้าไม่ถูกนำมาใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์ จะเข้าตำรา “ยุทธศาสตร์ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”

ผ่านพ้นจุดไคลแมกซ์การเมืองเรื่องคดีรับจำนำข้าวไปแล้ว หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาออกมาอย่างเป็นทางการ จากนี้ไปก็เหลือลุ้นแค่อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเลือกทางเดินอนาคตตัวเองอย่างไร จะโลว์โปรไฟล์ทางการเมืองอยู่อย่างสงบเหมือนพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์พูด หรือว่าจะยังไม่ทิ้งการเมืองแบบหันหลังให้เสียทีเดียว

ส่วนเรื่องคดีความก็ชัดเจนว่าคงไม่มีการยื่นอุทธรณ์เพราะติดเงื่อนไขต้องมาแสดงตัวต่อศาลจึงได้สิทธิอุทธรณ์คดี ขณะที่เรื่องการขอลี้ภัยทางการเมืองน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในไม่กี่วัน หลังจากนี้เพราะผ่านจุดที่ต้องกบดานไปแล้ว

การเมืองมีเรื่องใหม่ให้ติดตามกันตลอดเวลา ล่าสุดมีเสียงฮือฮากรณี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีชื่อโผล่ร่วมเป็นกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านความสามารถในการแข่งขันของรัฐบาล

ถ้าจำกันได้วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอำนาจ นายชัชชาติ เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ในห้องเจรจาหาทางออกให้บ้านเมืองและเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกทหารคุมตัวเข้าไปในค่าย

เมื่อบทบาทที่ผ่านมาเรียกคะแนนให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้เป็นอย่างดี และมีภาพค่อนข้างทำงานให้ชิดกับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ จึงเป็นธรรมดาที่การเข้าร่วมเป็นกรรมการยุทธศาสตร์กับรัฐบาลทหารคสช.ครั้งนี้ จะสร้างความผิดหวังให้กองเชียร์พรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของนายชัชชาติไม่ได้เป็นนักการเมือง ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง เป็นเพียงนักวิชาการและคนทำงานคนหนึ่ง จึงพอเข้าใจได้ถึงการตัดสินใจเข้าร่วมทำงานให้รัฐบาลทหารคสช.ในครั้งนี้

การเข้าร่วมเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ของนายชัชชาติ รัฐบาลทหาคสช.อาจได้ภาพว่าพร้อมเปิดรับทุกฝ่ายที่ต้องการเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อปูทางไปสู่การสร้างความปรองดอง

แต่การเป็นกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านความสามารถในการแข่งขันบทบาทหน้าที่มีแค่คิดและนำเสนอ ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติเอง จะหวังกระแสของนายชัชชาติ ช่วยฉุดภาพลักษณ์ให้รัฐบาลทหารคสช.เหมือนสมัยทำงานกับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์คงเป็นเรื่องยาก

เสียงฮือฮาต่อการแต่งตั้งก็คงเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็จะเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญมากกว่าตัวบุคคลว่าใครเข้าร่วมทำงานให้รัฐบาลทหารคสช.บ้างคือเรื่องเนื้องานที่จะออกมา โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติที่มีการตั้งกรรมการขึ้นมามากมายหลายชุด

“ความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก และประสิทธิภาพของคนทำ ไม่ใช่ความขยันในการพูดหรือจำนวนแผนที่ร่างกันขึ้นมา”

เป็นคำกล่าวที่ไม่ไกลเกินความจริงของ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย

ที่ผ่านมาหน่วยงานด้านต่างๆ ล้วนทำแผนยุทธศาสตร์กันออกมาจำนวนมาก คำถามคือแผนเหล่านั้นถูกนำไปใช้ปฏิบัติกี่เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์

มีใครเคยประเมินกันบ้างหรือไม่

ถ้าเราเดินตามแผนยุทธศาสตร์ต่างๆที่ทำกันมาจำนวนมากนั้น ประเทศคงก้าวพ้นกับดักความยากจน ไม่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่ต้องมาพูดกันเรื่องการศึกษาผลิตคนไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และทิศทางการพัฒนาประเทศ

เมื่อเรามีแผนยุทธศาสตร์จำนวนมาก ทำไมทุกวันนี้เรายังต้องพูดถึงแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่ ทำไมต้องมาพูดกันเรื่องทำยุทธศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

การแก้ปัญหาของประเทศจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคนทำงานที่ต้องมีความตั้งใจ จริงใจ มีความรู้ความเข้าใจ กล้าตัดสินใจและมีความสามารถมากพอที่จะใช้แก้ปัญหาด้วย

ยิ่งในยุครัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารมีอำนาจล้นมือ ใช้กฎหมายมาตราเดียวสั่งการทุกอย่างได้หมด และไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตรวจสอบหรือเอาผิดย้อนหลัง ยิ่งควรใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในมือแก้ปัญหาให้เห็นหน้าเห็นหลังได้ดีกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่ทำแค่ร่างยุทธศาสตร์เป็นมรดกไว้ให้รัฐบาลอื่นเอาไปทำต่อ

ความพึงพอใจของประชาชนวัดกันที่ผลความสำเร็จของงาน ไม่ใช่จำนวนแผนยุทธศาสตร์ว่ามีกี่แผ่นกี่ด้าน

ต่อให้มีแผนยุทธศาสตร์กองเท่าภูเขา ถ้าไม่ถูกนำมาใช้ก็ไม่เกิดประโยชน์

จะเข้าตำรา “ยุทธศาสตร์ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”


You must be logged in to post a comment Login