วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สนูเปอร์แคทซ์ / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On October 2, 2017

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

เจ้าของติดประกาศทั่วเมืองตั้งเงินรางวัลให้กับผู้พบแมวชื่อ “สนูเปอร์แคทซ์” ที่หายออกไปจากบ้าน เพียงไม่กี่วันต่อมาก็มีคนมากมายนำแมวจรจัดที่พบมาส่งให้ ซึ่งไม่ใช่แมวตัวที่ประกาศหา ทำให้ทั้งตึกเต็มไปด้วยแมวจรจัดที่พวกเขาไม่ได้นำกลับไปด้วย

คริสเตียน กูดบรอด เจ้าของกิจการผ้าไหมในกรุงนิวยอร์ก เป็นชายร่างสันทัด ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ไว้หนวดเรียวงามตามยุคสมัย ที่สำคัญเขาเป็นคนรักแมว โดยเฉพาะแมวเจ้าเล่ห์ “สนูเปอร์แคทซ์” (Snooperkatz)

ต้นเดือนพฤษภาคม 1894 คริสเตียนใช้ให้คนนำใบปลิวไปติดตามเสาไฟฟ้าทั่วเมือง ประกาศตามหาแมวสนูเปอร์แคทซ์ที่หายไปจากสำนักงานเลขที่ 644 ถนนบรอดเวย์ มีใจความว่า “แมวมอลตา สีเทา สวมปลอกคอติดชื่อ Snooperkatz รางวัล 1 ดอลลาร์ สำหรับผู้ที่นำมาส่งคืนที่บริษัทกูดบรอด เลขที่ 644 ถนนบรอดเวย์”

ก่อนจะหายตัวไปสนูเปอร์แคทซ์ไปติดพันแมวสาวขนสีดำแถวธนาคารออมทรัพย์บลีกเคอร์สตรีท ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับบริษัทกูดบรอด คริสเตียนตั้งเงินรางวัล 1 ดอลลาร์ เพื่อจูงใจให้ผู้คนช่วยกันสอดส่อง เผื่อว่าจะมีใครพบแมวสนูเปอร์แคทซ์แล้วนำมาส่งคืน

ไม่กี่วันต่อมา ชายหนุ่ม หญิงสาว ผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเด็กเล็กแดง ต่างอุ้มแมวจรจัดมาส่งที่บริษัทกูดบรอดโดยหวังจะได้เงินรางวัล แต่เมื่อคริสเตียนปฏิเสธว่าแมวเหล่านั้นไม่ใช่สนูเปอร์แคทซ์ที่ตามหา พวกเขาก็ทิ้งแมวจรจัดเหล่านั้นไว้ที่บริษัทกูดบรอดโดยไม่นำกลับไปด้วย ทำให้บริษัทกูดบรอดเต็มไปด้วยแมวจรจัดหลากหลายสีสันและลวดลายจำนวนหลายสิบตัว

แลนด์มาร์ค

อาคารเลขที่ 644 และ 646 ถนนบรอดเวย์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1790 โดยแอนโทนี บลีกเคอร์ ค่าก่อสร้าง 2,350 ปอนด์ (สมัยนั้นยังใช้สกุลเงินอาณานิคมอังกฤษ) ต่อมาในปี 1812 ถูกขายให้กับกอร์ดอน มัมฟอร์ด ในราคา 3,850 ดอลลาร์ และถูกขายอีกครั้งให้กับจอร์จ ลอริลาร์ด เมื่อปี 1821 ในราคา 5,500 ดอลลาร์

สถาบันออมทรัพย์แมนฮัตตัน (Manhattan Savings Institution – MSI) สถาปนาในปี 1850 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในอาคารเลขที่ 648 ถนนบรอดเวย์ ต่อมาในปี 1855 ได้เช่าพื้นที่อาคารเลขที่ 644 และ 646 ถนนบรอดเวย์ ก่อนที่จะซื้อขาดไปเมื่อปี 1863

ปี 1942 สถาบันออมทรัพย์แมนฮัตตันควบรวมกิจการกับธนาคารออมทรัพย์ซิติเซนกลายเป็นธนาคารออมทรัพย์แมนฮัตตัน และได้ย้ายสำนักงานใหญ่ออกจากอาคารเลขที่ 644 และ 646 ถนนบรอดเวย์ ปล่อยให้เช่าทำอุตสาหกรรมขนาดย่อม และต่อมาในทศวรรษ 1970 อาคารทั้ง 2 หลังถูกแปลงเป็นที่พักอาศัย

ปี 1987 อาคารเลขที่ 644 ได้รับการปรับปรุงให้เป็นที่อยู่อาศัยหรูหราขนาด 15 ห้องพัก ต่อมาในปี 1999 ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแลนด์มาร์คของกรุงนิวยอร์ก ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ “บลีกเคอร์ ทาวเวอร์”

แมวเจ้าเล่ห์

2 สัปดาห์หลังจากที่สนูเปอร์แคทซ์หายตัวไป คริสเตียนได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะซันว่า “หากคุณไม่ใช่คนรักแมว คุณไม่มีทางรู้ถึงความรู้สึกของผมที่มีกับสนูเปอร์แคทซ์ ไม่มีแมวตัวไหนในโลกเหมือนเขา (แมว) อีกแล้ว และตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว”

สนูเปอร์แคทซ์เป็นแมวฉลาดทีเดียว แม้ว่ามันจะเจ้าเล่ห์ เชื่อไม่ได้ และชอบสร้างความเสียหาย แต่คริสเตียนก็ยังหลงเสน่ห์มันและให้อภัยกับความผิดต่างๆที่มันได้ก่อขึ้น

สนูเปอร์แคทซ์เป็นแมวที่สวยงาม แต่ก็เป็นหัวขโมย และออกจะร้ายกาจเสียด้วยซ้ำ จะเชื่อหรือไม่ก็ตามคริสเตียนเล่าว่า มันไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเอง เจ้าสนูเปอร์แคทซ์แอบขโมยแสตมป์จากโต๊ะทำงานไปซื้อนมทุกเช้า หากไม่เชื่อก็ไปถามคนดูแลอาคารได้เลย เขาเป็นพยานได้

ทันทีที่ได้ยินเสียงรถส่งนมมา สนูเปอร์แคทซ์จะดึงลิ้นชักโต๊ะทำงาน คาบแสตมป์ 10 เซ็นต์ บางครั้งก็ 5 เซ็นต์ รีบวิ่งไปหาคนส่งนมเพื่อแลกซื้อนมสด ครั้งหนึ่งสนูเปอร์แคทซ์ขโมยม้วนด้ายไหมด้วยการกลืนลงท้อง คริสเตียนต้องรีบคว้าปลายเส้นไหมแล้วค่อยๆสาวออกจากปากจนหมดม้วน แต่จนปัญญาที่จะเอาแกนด้ายออกจากท้องมัน ต้องปล่อยให้ย่อยสลายไปเอง

แม้ร้ายก็รัก

บางครั้งสนูเปอร์แคทซ์ก็แอบขโมยอาหารกลางวันของพนักงานประจำลิฟต์ มันเรียนรู้วิธีปีนขึ้นไปกดปุ่มแผงควบคุมลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิดและเคลื่อนสู่ชั้นบน สนูเปอร์แคทซ์จะรีบวิ่งไปที่กล่องอาหารกลางวันของพนักงานประจำลิฟต์และขโมยอาหารกลางวันมากิน

บางกรณีสนูเปอร์แคทซ์ก็สอนให้คนอื่นรู้จักกาลเทศะอยู่บ้าง เช่น ตอนที่ลูกค้ารายหนึ่งเดินทางมาวางบิลด้วยตนเองแทนที่จะส่งมาทางไปรษณีย์เหมือนคนอื่น ทำให้คริสเตียนไม่ค่อยพอใจ และสนูเปอร์แคทซ์ก็สามารถสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ มันกระโดดเกาะหลังลูกค้ารายนั้น ใช้ขาหน้าปัดหมวกเขาออก แล้วระดมกรงเล็บอันแหลมคมลงบนศีรษะคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ทำให้ตั้งแต่นั้นมาเขาไม่กล้ามาวางบิลด้วยตนเองอีกเลย

คริสเตียนรู้สึกผูกพันกับสนูเปอร์แคทซ์เป็นอย่างมาก เขาเสียใจที่สนูเปอร์แคทซ์หายไป แม้ว่ามันจะมีนิสัยแย่ๆ ผิดกับเจ้า ทอมทูตส์ แมวตัวเก่า ซึ่งชอบเล่นยิมนาสติกอยู่แต่ในบ้าน มันชอบเล่นชิงช้าที่คริสเตียนแขวนไว้ให้ใกล้กับหน้าต่าง

วันหนึ่งพนักงานคนหนึ่งเผลอลืมเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ประจวบเหมาะกับวันนั้นทอมทูตส์ไปแอบเลียวิสกี้จนเมามาย พอรู้สึกมึนๆทอมทูตส์ก็กระโดดขึ้นชิงช้า แต่ความเมาทำให้มันกระโดดพลาดหลุดออกนอกหน้าต่าง ตกตึกลงไปตายที่พื้นถนนข้างล่าง

คริสเตียนให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งจากความเสียใจว่า “สนูเปอร์แคทซ์ไม่น่ารักเหมือนทอม ทูตส์ แต่มันก็ฉลาดกว่าเยอะ” เรื่องราวของสนูเปอร์แคทซ์ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดอะซัน ฉบับวันที่ 11 พฤษภาคม 1894


You must be logged in to post a comment Login