- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 19 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 6 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 7 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
อำนาจใหม่! / โดย นายหัวดี
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2017/10/4682c.jpg)
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
เว็บไซต์ iLaw สรุปอำนาจและขั้นตอนการพิจารณาของ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หรือ “ศาลฎีกานักการเมือง” ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หลักการใหญ่ยังเหมือนเดิม คือเมื่อมีการฟ้องคดีให้ประธานศาลฎีกาเรียกประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้งหมด เพื่อเลือกผู้พิพากษา 9 คนเป็นองค์คณะคดี
ประชาชนทั่วไปไม่อาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีต่อ “ศาลฎีกานักการเมือง” ได้ ผู้ที่มีอำนาจฟ้องคดี 2 องค์กร คือ “อัยการสูงสุด” หรือ “คณะกรรมการป.ป.ช.” เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือตามมาตรา 42-44 เพิ่มอำนาจให้ “ศาลฎีกานักการเมือง” คือ มีอำนาจ “สั่งริบทรัพย์สิน”ได้ ไม่ว่าฝ่ายโจทก์จะขอให้ศาลสั่งริบหรือไม่ก็ตาม อาทิ ทรัพย์สินที่ใช้กระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด ทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ฯลฯ
กฎหมายใหม่ให้จำเลยสามารถยื่น “อุทธรณ์” ได้ภายใน 30 วัน นับแต่มีคำพิพากษา ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 คนที่ไม่เคยตัดสินคดีนั้นเป็นผู้วินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์ ส่วนคดีที่ตัดสินลงโทษ “ประหารชีวิต”หรือ“จำคุกตลอดชีวิต” ศาลต้องส่งเรื่องให้วินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่งเสมอ
ส่วนจำเลยที่เป็นนักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีโอกาสที่จะหลบหนีได้มาก กฎหมายใหม่จึงเพิ่มเงื่อนไขมากมายเพื่อป้องกัน รวมถึงการพิจารณาลับหลังและไม่จำกัดอายุความ
You must be logged in to post a comment Login