- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
บริการส่งของถึงบ้าน / โดย ณ สันมหาพล
คอลัมน์ : โลกไม่หยุดนิ่ง
ผู้เขียน : ณ สันมหาพล
ธุรกิจออนไลน์มาคู่กับบริการส่งของถึงบ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำให้เกิดมหาเศรษฐีมาแล้วหลายราย ถือเป็น startup ที่กำลังมาแรงและน่าจับตามองอย่างมาก
ยกตัวอย่าง Deliveroo กับ Honestbee บริการรับส่งอาหารหรือวัตถุดิบให้กับร้านอาหารตั้งแต่ริมถนนจนถึงภัตตาคารชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ถูกหรือแพง ก็จะส่งถึงบ้านทันที
ทั้งนี้ จะเกิดมหาเศรษฐีแบบบิล เกตส์ ได้อย่างไรนั้น ต้องไปดูที่รายละเอียด โดย Deliveroo ย่อมาจาก Delivery บวก Kangaroo แปลว่า “จิงโจ้ส่งของ” แม้จะเพิ่งเปิด แต่มีการประเมินมูลค่าหุ้นว่าเกินหลัก 1,000 ล้านเหรียญ จึงเป็นบริษัทระดับ unicorn หรือเทพอาชา เหมือนอย่าง Apple, Google และ Facebook
และยิ่งน่าแปลกใจที่การระดมทุนครั้งที่ 4 เมื่อปีที่แล้ว Deliveroo สามารถระดมทุนได้กว่า 100 ล้านเหรียญ เพื่อนำไปขยายกิจการทั่วโลก ผู้เริ่มก่อตั้งคือ Will Shu อดีตนายธนาคาร กับ Greg Orlowski อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ ทั้งสองเป็นชาวอังกฤษ บริษัทนี้จึงเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ เมื่อขยายการให้บริการไปทั่วโลก ขณะนี้จึงมีเครือข่ายในเมืองใหญ่มากกว่า 80 แห่ง รวมทั้งดูไบ สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งบริษัทมีอัตราการเติบโตสูงถึงร้อยละ 30 ต่อสัปดาห์
จุดเด่นคือราคา ไม่ว่าจะไปเปิดบริการที่ไหนก็จะคิดค่าส่งถูกกว่าร้านอาหารด่วนชื่อดังทุกแห่ง โดยเงื่อนไขสำคัญคือจะส่งของภายในเวลาที่ประกาศและอาหารจะมีสภาพเช่นเดียวกับในร้าน เพราะพนักงานส่งอาหารถูกอบรมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่รอรับอาหารก่อนปรุงเสร็จ การส่งอาหารที่ต้องตรวจสอบภาวะอากาศและการจราจรเพื่อให้มั่นใจว่าส่งอาหารได้ตรงเวลา
การดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิดทำให้ Deliveroo ไม่กลัวคู่แข่งที่ทยอยกันออกมา อย่าง UberEATS ของยักษ์ใหญ่อูเบอร์
ส่วนอีกบริการที่ประสบความสำเร็จคือ Honestbee หรือ “ผึ้งซื่อสัตย์” บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ ที่กำลังทำให้ประเทศเป็น Smart Nation หรือประเทศเฉลียวฉลาด โดยประกาศว่าจะเป็นศูนย์กลางการซื้อขายออนไลน์ของโลก ซึ่งจะต้องมีกระบวนการรับส่งของตามที่ลูกค้าสั่งซื้อ ขณะนี้เปิดแล้ว 3 แห่ง โดย Honestbee เป็นหนึ่งในกิจการนั้น
จุดเริ่มต้นมาจากการขาดแรงงานที่เป็นคนรับใช้ เวลาจะซื้อของเจ้าของบ้านจึงต้องไปเอง รวมทั้งการซื้อวัตถุดิบที่จะนำมาปรุงอาหาร เมื่อเปิดกิจการแล้วจึงมองไปถึงการขยายกิจการในต่างประเทศ เพราะเห็นว่าหลายประเทศมีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยขณะนี้มีที่ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย และล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมคือโตเกียว ซึ่งแม่บ้านญี่ปุ่นต้องออกไปซื้อของทุกวันทั้งที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วย
จุดเด่นของ Honestbee คือการร่วมมือกับร้านค้าในการพัฒนาการซื้อขายออนไลน์ โดยบริษัทจะเข้าหาผู้ประกอบการทุกระดับไม่ว่าจะเป็นแผงลอยหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อพัฒนาแอพฯในการซื้อขายออนไลน์ให้สะดวกที่สุด ที่สำคัญพนักงานส่งของของ Honestbee เป็นผู้หญิง ทำหน้าที่ตั้งแต่การรับคำสั่งซื้อและนำไปส่ง ถ้าคนสั่งอยู่ไกลก็จะติดต่อคนส่งของที่อยู่ใกล้ที่สุดให้มารับ โดยส่วนใหญ่จะใช้จักรยานในการไปซื้อและส่งของ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของบริษัทที่สอดคล้องกับยุคที่ทั่วโลกตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ส่วนค่าบริการจะคิดทั้งจากผู้สั่งซื้อและผู้จำหน่าย อย่างกรณีกรุงโตเกียว ค่าบริการที่เรียกจากผู้ซื้อจะรวมค่าส่งด้วย 490 เยน หรือประมาณ 150 บาท โดยจะคิดผ่านบัตรเครดิตที่จะมีค่าบริการจากผู้ขายอีกประมาณร้อยละ 20 ของมูลค่าของที่ซื้อ ซึ่งอาจเห็นว่าสูง แต่ถ้าทำให้การขายเติบโตและประหยัดค่าแรงงานก็ถือว่าคุ้ม
การให้บริการ Deliveroo และ Honestbee อาจนำมาพัฒนาได้ในไทย ไม่ว่าจะเป็นในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด จนถึงระดับประเทศ ยิ่งมีจำนวนผู้สูงอายุมาก บริการรับส่งของก็ยิ่งมีความสำคัญ
การพัฒนาธุรกิจซื้อขายออนไลน์ที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลกจึงต้องมีการบริการรับส่งของควบคู่กันด้วย ไม่ว่าคนสั่งซื้อจะเป็นคนรวยหรือยากจน
You must be logged in to post a comment Login