วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มั่นคงสถาพร

On November 6, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เสียงเรียกร้องให้ปลดล็อกพรรคการเมืองทำกิจกรรมเตรียมเลือกตั้งกลายเป็นกระแสตีกลับใส่ผู้เรียกร้องว่าเป็นพวกกระเหี้ยนกระหือรืออยากกลับเข้าสู่อำนาจ ที่เป็นเช่นนี้ นอกจากอำนาจที่มีในมือแล้ว ยังเป็นผลมาจากความสำเร็จของความพยายามทาสีให้นักการเมือง พรรคการเมือง มีภาพลักษณ์เป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชนช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อประชาชนรู้สึกว่าถึงอย่างไรรัฐบาลทหารก็ดีกว่านักการเมือง ทำให้ไม่ว่าจะเกิดข้อครหาด้านลบขึ้นกี่ครั้ง การปรับครม.ไม่ว่าจะปรับเล็ก ปรับใหญ่ เอาใครเข้า ใครออก จะปลดล็อกพรรคการเมืองเมื่อไหร่ หรือขยับโรดแม็พออกไปอีกหรือไม่ สถานะของรัฐบาลทหารคสช.ก็ยังมีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อันเป็นแรงกระเพื่อมมาจากการลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โฉมใหม่ของ ครม.บิ๊กตู่ 5 จะมีหน้าตาอย่างไรอยู่ที่การตัดสินของผู้นำ

แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อขนมกินได้เลยคือการปรับเปลี่ยนจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อความมั่นคงของรัฐบาล

นี่เป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ผู้นำมีอำนาจเต็มสองมือ ต่างจากรัฐบาลเลือกตั้ง ที่ยิ่งปรับครม.บ่อย ยิ่งเกิดความขัดแย้ง ยิ่งลดทอนอายุของรัฐบาลให้สั้นลง

ท่านผู้นำจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะปรับเปลี่ยนในทันทีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยื่นใบลาออก อำนาจที่อยู่ในมือจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้

เช่นเดียวกับการปลดล็อกพรรคการเมืองที่ชัดเจนเป็นลำดับว่ายังไม่ไขกุญแจให้อิสระกับพรรคการเมืองทำกิจกรรมได้เร็วๆนี้ โดยให้เหตุผลว่าบ้านเมืองขณะนี้สงบเรียบร้อยดี หากปล่อยให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวเกรงว่าความวุ่นวายความขัดแย้งจะปะทุขึ้นมาอีก

ส่วนเรื่องข้อจำกัดตามเงื่อนเวลาตามกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะมีช่องให้ยื่นขยายเวลาได้ ถ้าหนักหนากว่านั้นก็ยังใช้อำนาจมาตรา 44 แก้ไขในสิ่งที่พรรคการเมืองวิตกกังวลได้

หรือถ้าจะแต่งตัวลงเลือกตั้งกันไม่ทันจริงๆ ก็ยังมีไม้ตายเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพื่อให้เวลาพรรคการเมืองทำตามเงื่อนไขกฎหมายให้ครบถ้วนก่อนได้

เมื่อมีความยืดหยุ่นสูงถึงเพียงนี้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบปลดล็อกให้พรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

ที่เป็นอย่างนี้ นอกจากอำนาจที่มีในมือแล้ว อารมณ์ของผู้คนในสังคมยังมีส่วนสำคัญช่วยให้รัฐบาลทหารคสช.อยู่ในอำนาจต่อไปอย่างสบายใจ

ใช่ว่าที่ผ่านมารัฐบาลทหารคสช.จะไม่มีข้อครหาเรื่องการใช้อำนาจ ความไม่พอใจในการแก้ปัญหาล่าช้า แก้ไม่ตรงจุด หรือเรื่องความโปร่งใสในการทำงาน แต่เมื่อนักการเมือง พรรคการเมืองถูกจับทาสีให้เห็นว่าน่ากลัวกว่า ชั่วร้ายกว่า ประชาชนจึงไม่มีอารมณ์ร่วมกับการกดดันรัฐบาลทหารคสช.

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องให้มีคำถามในการทำงานกี่ครั้ง หรือมีข้อครหาเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้างต่อรัฐบาลคสช.กี่หน อารมณ์ของคนในสังคมก็ยังเห็นคล้อยตามกับสารที่ถูกสื่อออกมาว่าอย่างไรเสียรัฐบาลทหารก็ดีกว่านักการเมือง

เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานะของรัฐบาลทหารคสช.จึงยังค่อนข้างมั่นคง นักการเมือง พรรคการเมืองที่ออกมาเรียกร้องให้ปลดล็อกจึงถูกมองว่าเป็นพวกกระเหี้ยนกระหือรืออยากเลือกตั้งจนตัวสั่น อยากกลับเข้ามาใช้อำนาจเพื่อตักตวงผลประโยชน์

นี่คือความสำเร็จของความพยายามทาสีให้นักการเมือง พรรคการเมือง มีภาพลักษณ์เป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชนช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

ดังนั้นการปรับครม. ไม่ว่าจะปรับเล็ก ปรับใหญ่จะเอาใครเข้า ใครออก จะปลดล็อกพรรคการเมืองเมื่อไหร่ หรือขยับโรดแม็พออกไปอีกหรือไม่ สถานะของรัฐบาลทหารคสช.ก็ยังมีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง


You must be logged in to post a comment Login