วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สืบทอดลมหายใจ? / โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

On November 9, 2017

คอลัมน์ : โดนไป บ่นไป
ผู้เขียน : ..อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

ลมหนาวปีนี้มาทันใจจริงๆ อยู่ในกรุงเทพมหานครก็อากาศเย็นสบายเหมือนมีคนมาเปิดแอร์ให้ อุณหภูมิกำลังดีแบบนี้ถือว่าเป็นโชคดี เพราะจะทำกิจกรรมกลางแจ้งอะไรก็สบายเนื้อสบายตัว ไม่เหมือนช่วงอากาศร้อนที่ต้องหลบอยู่แต่ในห้อง หรือยามหน้าฝนที่แม้ฝนจะหยุดแล้ว แต่เดินออกไปไหนก็เฉอะแฉะ ถ้าเคราะห์หามยามร้ายต้องเจอกับ น้ำรอระบาย ของรัฐบาล ที่บางครั้งต้องรอเวลา “ระบาย” เป็นแรมเดือน ก็ต้องยอมรับชะตากรรมกันไป ดวงใครดวงมัน

ปีนี้หนาวเร็วทันใจ แต่การปลดล็อกการเมืองกลับ “เชื่องช้า” เพราะยังมองไม่เห็นวี่แววว่า คสช. จะอนุญาตให้เมื่อไร! แม้ว่าพรรคการเมืองทั้งหลายจะเรียกร้องด้วยเหตุผลที่ “ฟังขึ้น” แต่ท่านผู้นำสูงสุดและผู้เกี่ยวข้องก็ยังยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่” สอดประสานกับลิ่วล้อที่ออกมารับลูกว่า ฝ่ายการเมืองจะรีบร้อนไปทำไม เพราะยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เข้าข่าย “ลูกขุนพลอยพยัก” ประจบประแจงสอพลอกันไปวันๆ

ว่ากันตามข้อเท็จจริง ถ้ากรอบการเลือกตั้งเป็นไปอย่างที่ท่านผู้นำไป “จ้อ” ไว้กับมิสเตอร์เพรสซิเดนท์ของสหรัฐ ช่วงวันเลือกตั้งก็น่าจะอยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งล่าช้ากว่าวันเดือนปีที่ควรจะเป็นมานานพอสมควร แต่เอาเถอะรอกันมานานขนาดนี้แล้ว รอไปอีกสักนิดจะเป็นไร แค่ช่วยพูดชัดๆแบบชายชาติทหารว่า ข้าพเจ้าจะไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก แค่นี้ทุกคนก็สบายใจแล้ว

ถ้าประเทศไทยโชคดีมีท่านผู้นำที่ เสียชีพดีกว่าเสียสัตย์พรรคการเมืองก็จะมีเวลาเตรียมตัวจากนี้อีกประมาณ 12 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่มากเลยถ้าเทียบกับ ภารกิจ ที่พรรคการเมืองต้องปฏิบัติเพื่อให้มีความพร้อมสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะการดำเนินการเรื่องต่างๆที่ต้องสอดคล้องและเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกกำหนด

แต่ถ้าเลื่อนปลดล็อกยาวออกไปเดือนกุมภาพันธ์หรือช้ากว่านั้นก็จะยิ่งแย่ใหญ่ เพราะเวลาจะยิ่งเหลือน้อยลง การดำเนินการของพรรคการเมืองเพื่อให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามกฎหมายในเวลาอันจำกัดก็มีแต่จะทำให้เกิด “ข้อผิดพลาด” ได้ง่ายขึ้น อย่าลืมว่ากฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายพรรคการเมืองที่มาบังคับใช้ครั้งนี้ถือว่าเป็น “ครั้งแรก” ถ้ามีเวลาให้ทุกพรรคเตรียมการในระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศมากกว่าไม่ใช่หรือ!

ผมตั้งใจบ่นเรื่องนี้ให้ฟังเพราะเชื่อว่าคงมีท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่านักการเมืองเกือบทุกพรรคออกมาเรียกร้องให้รีบปลดล็อกทางการเมืองกันทำไม! จริงๆแล้วอยากเอาข้อเท็จจริงตามกฎหมายลูกมาเล่าให้ฟังว่าพรรคการเมืองต้องทำอะไรกันบ้าง ทั้งเรื่องสมาชิกพรรค สาขาพรรค โน่นนี่นั่นเต็มไปหมด แต่กลัวว่าจะน่าเบื่อ เลยขอเปรียบเทียบง่ายๆแบบนี้ดีกว่า

ถ้าท่านมีเวลาในการบูรณะตกแต่งบ้านหลังเก่าให้เป็นบ้านหลังใหม่ที่สวยงาม แข็งแรง โดยที่ต้องทำเรื่องขออนุญาตเขตและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ต้องจ้างสถาปนิกและมัณฑนากรมาออกแบบ ต้องว่าจ้างผู้รับเหมา ต้องทำเรื่องกู้แบงก์ ต้องวางแผนเรื่องที่อยู่อาศัยชั่วคราวในระหว่างการบูรณะ ต้องไปเลือกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ต้องประชุมวางแผนเพื่อตอบสนองความต้องการระหว่างสมาชิกในครอบครัว แล้วต้องทำอะไรอีกร้อยอย่าง!!!

คำถามคือ ถ้าท่านมีเวลาดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นในระยะเวลา 12 เดือน กับมีระยะเวลาในการดำเนินการที่เหลือน้อยกว่า ท่านจะเลือกข้อไหน?

แน่นอนคำตอบข้อนี้มีแค่ข้อเดียว และใครๆก็ตอบได้แบบไม่ต้องคิด นอกเสียจากคนคิดมากหรือคนที่สติไม่สมประกอบเท่านั้นที่อาจเลือกผิด นี่แหละครับจึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมนักการเมืองถึงจำเป็นต้องออกมาร้องเพลงประสานเสียงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย เพราะแต่ละพรรครู้ดีอยู่แก่ใจว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้องอีก ร้อยเรื่องเช่นกัน

ที่สำคัญกิจกรรมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องหาเสียง แต่ก็ไม่วายที่ “ลิ่วล้อ” บางคนที่ไม่ชอบการเลือกตั้ง หรือกำลังเสวยสุขอยู่กับอำนาจและตำแหน่งที่ คสช. ประเคนให้ จะออกมาโหยหวนว่าเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการปลดล็อกให้พรรคการเมือง เพราะอาจทำให้บ้านเมืองไม่สงบและอาจเกิดความวุ่นวายได้

ผมไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เอาสมองส่วนไหนคิด แต่ก็อโหสิให้ เพราะบ้านเมืองสงบราบคาบมาตั้งแต่วันที่ท่านผู้นำสูงสุดและบริวารนำกำลังทหารออกมายึดอำนาจแล้ว ใครจะกล้าออกมาทำเรื่องวุ่นวาย เพราะ คสช. ออกจะ ใหญ่คับเมืองเนื่องจากไม่ได้มีแค่กำลังพลและอาวุธเท่านั้น แต่มีกฎหมายพิเศษที่สามารถใช้บังคับข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดอีกด้วย

ยกเว้นสถานที่แห่งเดียวที่ผมและประชาชนทั่วไปสามารถยอมรับได้ว่ายังคงมีความไม่สงบและสถานการณ์ทั่วไปก็ยังไม่ดีขึ้น แม้ว่า 3 ปีมานี้กองทัพไทยจะช็อปปิ้งอาวุธเพื่อความมั่นคงแล้วกว่า 75,000 ล้านบาท นั่นก็คือสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ใครๆก็ทราบว่าเป็นแห่งเดียวที่ คสช. ยัง “เอาไม่อยู่” แม้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จและทุ่มสรรพกำลังลงไปจัดการปัญหาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่นักวิจารณ์การเมืองหลายท่านออกมาตั้งคำถามว่า ถ้า คสช. มีความจริงใจและต้องการให้มีการเลือกตั้งในห้วงเวลาที่ท่านผู้นำสูงสุดกำหนดไว้จริงๆ สมควรที่จะพิจารณา “ปลดล็อก” พรรคการเมืองได้แล้ว

การที่ยืดเวลาออกไปเรื่อยๆโดยไม่แสดงความชัดเจนจึงเป็นที่มาของ “ข่าวลือ” ว่า คสช. ต้องการ “ตั้ง” พรรคการเมืองขึ้นมาเอง จึงมีความจำเป็นที่ต้อง “ยื้อ” การปลดล็อกพรรคการเมืองออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้การดำเนินการของฝ่ายตนเองเรียบร้อยทันเวลาก่อนใช่หรือไม่?

เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรยังไม่มีใครทราบ แต่การเปิดตัวของพรรคการเมืองหน้าใหม่ที่ลงพื้นที่และทำกิจกรรมอย่างโจ๋งครึ่มโดยไม่หวั่นเกรงคำสั่ง “ห้าม” ของ คสช. เป็นที่มาของคำถามตัวโตเหล่านี้

ผมเองก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าเรื่องนี้เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ คสช. ชะลอการปลดล็อกพรรคการเมือง ในทางตรงข้ามกลับเชื่อว่า คสช. น่าจะรีบปลดล็อกให้พรรคการเมืองเร็วๆนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะ คสช. ก็มีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สมคบคิดกันอยู่ในมือเพื่อใช้เป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดอำนาจมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และพรรคการเมืองเหล่านี้ก็ต้องการเวลาเพื่อเตรียมการเช่นเดียวกัน

ดังนั้น คงต้องรอเวลาการประกาศปลดล็อกพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ เพราะภาพการสืบทอดอำนาจจะเห็นได้อย่างเด่นชัดมากขึ้น แต่จะเป็นการสืบทอดลมหายใจด้วยตัวเอง หรือจะยืมจมูกของคนอื่นหายใจเหมือนทุกครั้ง เรื่องนี้ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป พบกันฉบับหน้าครับ


You must be logged in to post a comment Login