- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
แนะคนไทยพกยาอมใต้ลิ้น ป้องกันซ้ำรอย”โจ บอยสเกาท์”
นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิน แนะคนไทยพกยาไอเอสดีเอ็น อมใต้ลิ้น ช่วยป้องกันไม่ให้ซ้ำรอย “โจ บอยสเกาท์” หัวใจวายเฉียบพลัน ชี้ถึงเวลาที่คนไทยควรเรียนรู้เรื่องการแจ้งเหตุและร่วมพัฒนาระบบการช่วยฟื้นคืนชีพที่เหมาะสม ทันกาล
ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ขอแสดงความเสียใจถึงกรณีการเสียชีวิตของ โจ บอยสเกาท์ หรือนายธนัท ฉิมท้วม ขณะแสดงคอนเสิร์ต และเสนอว่า ควรจะนำการสูญเสียครั้งนี้มาเป็นบทเรียนในการพัฒนา จากข่าวที่ระบุว่า ผู้เสียมีชีวิตมีน้ำตาลในเลือดสูงถึง 300 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรนั้น ตนมองว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ส่วนน้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นไม่ได้ทำให้คนตายได้ แต่จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบตัน
ดังนั้น การช่วยเหลือ หากเราพบว่าผู้ป่วยมีอาการหยุดหายใจควรทำการปั๊มหัวใจ(CPR) ทันที และรีบเรียกหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินทันที หรือโทรเบอร์1669 แต่กว่ารถฉุกเฉินจะมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาทีขึ้นไป ดังนั้นการทำ CPR จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ดังนั้น การสอนให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุเพื่อตามรถฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ระหว่างการรอรถฉุกเฉิน จะมีโอกาสเพิ่มความสำเร็จในการช่วยเหบือผู้ป่วย
นอกจากนี้ ในไทยพบว่าเกือบครึ่ง หรือร้อยละ 45 ของการเสียชีวิตเฉียบพลัน เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งโรคนี้มักเกิดขึ้นทันทีแบบเฉียบพลัน
“ที่ผ่านมาทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯเคยแนะนำให้คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยที่มีเริ่มมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจขาดเลือด ให้พกยาแก้อาการหัวใจขาดเลือด หรือยาไอเอสดีเอ็น(ISDN) ที่จะใช้อมไว้ใต้ลิ้น เมื่อเกิดอาการ แน่น จุกอก หายใจไม่ออก ก่อนที่จะหมดสติ หรือชัก ให้รีบอมยาไว้ใต้ลิ้นทันที ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสรอดชีวิตได้
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯ ได้จัดทำโครงการส่งเสริมและ ป้องกันคนไทยไม่ให้เจ็บป่วยฉุกเฉินขึ้นมา เพื่อพยายามผลักดันให้เกิดเป็นหลักสูตรในกระทรวงศึกษาธิการเรื่อง ตั้งแต่การป้องกันและให้มีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยฉุกเฉินด้วยสาเหตุที่ป้องกันได้ ตลอดจน สอนเรื่องการกู้ชีพฉุกเฉินขึ้น โดยมุ่งหวังให้เยาวชนไทยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และผู้ที่มีอายุยืนยาวที่มีคุณภาพ และหากพบผู้ป่วยฉุกเฉิน ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้” ศ.นพ.สันต์ กล่าว
You must be logged in to post a comment Login