วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ขวัญใจสายลับ / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On November 20, 2017

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

หน่วยสืบราชการลับในอเมริกาถือกำเนิดขึ้นเมื่อกว่า 200 ปีก่อน จากหน่วยงานเล็กๆที่มีสายลับเพียงไม่กี่คนได้ขยายใหญ่ขึ้นจนปัจจุบันมีสายลับประจำอยู่ทุกหนแห่งทั่วโลกมากกว่าแสนคน และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานข่าวกรองภายใต้ขอบเขตของตนอย่างน้อย 17 แห่ง

เมื่อพูดถึงงานสืบราชการลับหรือที่ปัจจุบันนิยมใช้คำว่างานข่าวกรองของอเมริกา เรามักจะคิดถึงชื่อหน่วยงานที่คุ้นหูคุ้นตาเพราะเห็นในภาพยนตร์บ่อยๆ เช่น CIA FBI และ NSA ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในปัจจุบันอเมริกายังมีหน่วยงานอื่นๆที่ทำงานข่าวกรองอย่างน้อย 17 หน่วยงาน

หน่วยงานข่าวกรองในอเมริกาถือกำเนิดเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 1790 ในยุคนั้นอเมริกาเป็นประเทศเกิดใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีชาติมหาอำนาจโดยเฉพาะอังกฤษที่เคยปกครองอเมริกามาก่อนส่งกองกำลังทหารเข้ามารุกรานหรือไม่ ประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน จึงเสนอเรื่องต่อสภาคองเกรสให้ตั้งงบประมาณสำหรับงานข่าวกรอง เพื่อใช้สืบหาข่าวก่อนที่จะมีภัยมาถึงประเทศ

สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณลับ 40,000 ดอลลาร์ เพื่อจัดตั้งหน่วยงานลับ Secret Service Fund โดยขึ้นตรงกับประธานาธิบดีเพียงคนเดียว หน่วยงานนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี งบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านดอลลาร์

แผ่อิทธิพล

ปี 1801 หน่วยข่าวกรองแผ่ขยายอิทธิพลโดยเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในต่างชาติ พยายามโค่นล้มบัลลังก์พาซา ยูเซฟ คาราแมนลิ ผู้ปกครองแคว้นตริโปลี (ปัจจุบันคือลิเบีย) เพื่อตั้งบุคคลที่เป็นมิตรกับอเมริกาขึ้นแทนที่ แต่ปฏิบัติการในครั้งนั้นล้มเหลว

ปี 1810-1812 ประธานาธิบดีเจมส์ เมดิสัน ใช้งบประมาณลับนี้เข้าแทรกแซงเพื่อให้ฟลอริดากระด้างกระเดื่องต่อสเปนและหันมารวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอเมริกา ปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในปี 1819 ฟลอริดาแยกตัวออกจากสเปนและมารวมเข้าเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา

ต้นทศวรรษ 1840 ประธานาธิบดีจอห์น ไทเลอร์ ใช้งบลับทำโฆษณาชวนเชื่อ ติดสินบนนักข่าวให้เขียนบทความเข้าข้างอเมริกากรณีพิพาทแนวเขตแดนระหว่างอเมริกาและแคนาดา ปฏิบัติการคราวนี้ประสบความสำเร็จ แต่อเมริกาอาจต้องสูญเสียรัฐเมนซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับแคนาดา

สายลับลงพื้นที่

งานข่าวกรองอย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นในปี 1863 หรือ 2 ปีหลังจากเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ทั้ง 2 ฝ่ายจำเป็นต้องสืบหาข่าวหาข้อมูลการเคลื่อนกำลังพลของฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งเป็นกลยุทธ์ปรกติที่ทำกันมานานแล้ว แต่การทำงานของสายลับทหารดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

ทหารฝ่ายเหนือได้จัดตั้งหน่วยงาน Bureau of Military Information (BMI) ภายใต้การนำของพลเรือน จอร์จ ชาร์พ และเป็นทหารอาสาสมัครในสงครามกลางเมือง จอร์จจัดตั้งสายลับ 70 คนซึ่งประกอบไปด้วยทหารและพลเรือนช่วยกันสืบหาข่าว และที่สำคัญที่สุดคือเขาจัดตั้งศูนย์กลางรวบรวมข่าวสารที่ได้ทั้งหมดก่อนจะส่งต่อให้กับกองทัพ

กล่าวได้ว่า BMI ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นต้นแบบของงานข่าวกรองที่ทำงานอย่างเป็นระบบ แต่หน่วยงานนี้ถูกยุบไปหลังจากที่ฝ่ายเหนือประสบชัยชนะในสงครามกลางเมืองเมื่อปี 1865 และไม่เพียงแค่นั้น อเมริกายังมีนโยบายลดขนาดกองทัพลงเพื่อนำเงินมาฟื้นฟูประเทศ

ปี 1880 กองทัพเรือเหลือเรือเพียงแค่ 50 ลำ จากเดิมที่มีถึง 700 ลำ ทหารเรือจาก 50,000 นาย ลดลงเหลือเพียง 6,000 นาย ทหารบกก็ถูกลดขนาดไปไม่ด้อยกว่ากัน มีเหลือไว้เพียงแค่เพียงพอให้ป้องกันการโจมตีของอินเดียนแดงในเขตตะวันตก ตรงกันข้ามกับต่างชาติ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ที่ต่างขยายกองกำลังทหาร ดังนั้น จึงเป็นที่กังวลกันว่าอเมริกาอาจไม่ปลอดภัยหากถูกต่างชาติรุกราน

รุ่งอรุณงานข่าวกรอง

เพื่อทดแทนกองกำลังทหารที่ถูกลดขนาดลง ปี 1881 ประธานาธิบดีเจมส์ การ์ฟิลด์ แต่งตั้งวิลเลี่ยม ฮันต์ เลขานุการกองทัพเรือ เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ต่อมาเขาได้โน้มน้าวให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณระยะยาวเพื่อใช้ในกิจการข่าวกรองกองทัพเรือ

ปีถัดมาหน่วยงานข่าวกรองถาวรแห่งแรกของอเมริกาก็ได้รับการสถาปนาภายใต้ชื่อ Off ice of Naval Intelligence (ONI) แต่ยังไม่ได้เป็นหน่วยงานใหญ่โตอะไร มีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยข่าวกรองทหารเรือเพียงแค่ 10 นายเท่านั้น

ปี 1885 กองทัพบกจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองของตนเองบ้าง ใช้ชื่อว่า Military Information Division (MID) ทั้ง 2 หน่วยงานส่งคนของตนไปประจำในสถานทูตอเมริกาประจำประเทศต่างๆที่ต้องการสืบหาข่าว แต่ก็ยังไม่มีผลงานอะไรที่โดดเด่น

ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้งานข่าวกรองยังเป็นสิ่งที่จำเป็น หลายครั้งที่ประเทศอริราชศัตรูส่งสายลับมาสืบข่าวในแผ่นดินอเมริกาหรือมีคนอเมริกันขายข่าวให้ประเทศศัตรู งานข่าวกรองจึงไม่จำกัดเพียงแค่นอกอาณาเขตอเมริกา แต่ยังรวมถึงในผืนแผ่นดินอเมริกาด้วย

ใต้ร่มเดียวกัน

หน่วยงานสืบสวน Bureau of Investigation หรือชื่อในปัจจุบันคือ Federal Bureau of Investigation (FBI) ก่อตั้งขึ้นในปี 1908 เป็นแผนกหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่สืบสวนคดีอาชญากรรมในประเทศ

ปี 1942 ได้มีการก่อตั้งหน่วยงานข่าวกรอง Off ice of Strategic Services (OSS) ทำหน้าที่สืบหาข่าวในช่วงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสงครามสิ้นสุดลง OSS ถูกแตกออกเป็น 2 หน่วยงานคือ Bureau of Intelligence ขึ้นกับกระทรวงต่างประเทศ และ Central Intelligence Agency (CIA)

นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานข่าวกรองอื่นๆอีกหลายหน่วยงานซึ่งล้วนขึ้นตรงกับประธานาธิบดีเพียงคนเดียว จนกระทั่งเกิดเรื่องอื้อฉาวบ่อยครั้งเกี่ยวกับการใช้อำนาจเกินขอบเขต การละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้กลางทศวรรษ 1970 สภาผู้แทนราษฎรและสภาคองเกรสต้องลงมากำกับ โดยหน่วยงานข่าวกรองทั้ง 17 แห่งต้องรายงานตรงกับ Intelligence Community (IC) หลังจากนั้นผู้อำนวยการ IC จึงจะสรุปรายงานส่งไปยังประธานาธิบดี

จากเอกสารลับที่ถูกนำมาเปิดเผยโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เมื่อปี 2013 พบว่าอเมริกาอนุมัติเงินงบประมาณสำหรับงานข่าวกรองในปี 2013 เป็นจำนวน 52,600 ล้านดอลลาร์ ในเงินจำนวนนี้ CIA ได้ไป 14,700 ล้านดอลลาน์ NSA ได้ไป 10,800 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ยังไม่รวม “งบลับ” สำหรับกองทัพจำนวน 23,000 ล้านดอลลาร์ รวมเบ็ดเสร็จงบข่าวกรองและงบลับทางทหารปี 2013 อเมริกาใช้ไปทั้งสิ้น 75,000 ล้านดอลลาร์ และมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยงานข่าวกรองทั้งสิ้น 107,000 คน


You must be logged in to post a comment Login