วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ลากมาจนได้อีกปี? / โดย สนานจิตต์ บางสพาน

On November 26, 2017

คอลัมน์ : สากกะเบือยันเรือรบ

ผู้เขียน : สนานจิตต์ บางสพาน

“อีกไม่ถึง 40 วัน คนไทยจะจนหมดทั้งประเทศ…”

นี่คือประโยคฮิตติดปากของคนไทยยามนี้ หลังจากที่ประคับประคองฉุดกระชากลากถูครอบครัวและตัวเองผ่านปีที่ถือว่า “ย่ำแย่” ที่สุดในรอบ 3 ปีเต็มๆของการเข้ามาของทหารและรัฏฐาธิปัตย์ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ สนจ. จัดอันดับให้ “บ๊วยสุด” ในบรรดานายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ตลอดระยะเวลาอาชีพการเป็นนักข่าว นักเขียนของ สนจ. 42 ปี ที่เริ่มตั้งแต่อายุ 18

ไม่ต้องลงรายละเอียดนะครับว่า ทำไม สนจ. ให้นายกฯประยุทธ์มาบ๊วย ไม่เกี่ยวกับการเป็น “นายพลกองทัพบก” เพราะนายพลกองทัพบกที่เป็น “นายกฯ” ที่มี performance เข้าท่า เป็นมวย ดูดีมีราคากว่า มีตั้งเยอะแยะ

นายกฯเขียวหวานบรั่นดี นายกฯเพลย์บอย นายกฯระดับป๋า ล้วนเป็นนายพลกองทัพบกทั้งนั้น ไม่ต้องอื่นไกล แค่นายกฯจะหยอกล้อและอำประชาชนยัง “อำ” ไม่เป็น อำทีไร ล้อทีไร เละทุกที

เหมือนอำคนบ้านเดียวกับ สนจ. ที่ขอนแก่นนั่นแหละ อ่างเก็บน้ำแตก ฝนตกหนัก มันไม่เกี่ยวกับ “หมอลำ” เลยครับ มันเกี่ยวกับการบริหารจัดการของคนของรัฐ ระบบ และการแจ้งเตือน รวมถึงคุณภาพของคนที่ได้รับมอบหมาย

ถ้า ครม. ดีจริง ท่านนายกฯคงไม่ต้องมาออกงิ้วออกยักษ์ใส่นักข่าวช่วงที่จะปรับ ครม. หรอก บอกแล้วไงทุกอย่างมันมีราคาค่างวด ได้มาเท่าไร เวลาจ่ายคืนก็ต้องเสมอกันนั่นแหละ เมื่อมีการเลือกตั้ง พวกท่านทั้งหลายที่มาเพราะรัฐประหารก็จะต้องเป็น “นักการเมืองอาชีพ” อย่างสมบูรณ์ ทีนี้ก็หมดข้ออ้างและข้อแก้ตัว จะเหาะมาแบบคนนอก หรือจะลงสนามเอง…แล้วไง?

ทางเลือกมันชัดๆ จะอยู่ต่อก็ต้องหาหนทางกลับมาให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา แต่ถ้าไม่อยากอยู่ต่อก็ต้องหา “บันได” ลงให้ดีๆ เพราะโจทก์เพียบ พลาดมาไม่มีโอกาสได้เดินเล่นตลาด อ.ต.ก. ตอนแก่แน่นวล ไม่ต้องเชื่อ สนจ. กลับไปมองรุ่นพี่ๆที่มาจากกองทัพดูก็ได้

สนจ. มีสัจธรรมธรรมดา สามัญประจำบ้าน ไปงานศพที่วัดเทพศิรินทร์ สนจ. พบอดีต พล.อ. กองทัพบกท่านหนึ่งซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว สมัยยังอยู่ในกองทัพเคยเป็นแคนดิเดตตำแหน่ง ผบ.ทบ. แต่คนกระทำหรือจะสู้ฟ้าลิขิต จึงหลุดตำแหน่ง ผบ.ทบ. หลังจากหมดอำนาจวาสนา วันที่เจอกันที่วัดเทพศิรินทร์แกเดินดุ่มๆมาคนเดียว ไม่มีนายเวร ไม่มีคนติดตาม ยกมือไหว้กันเสร็จแกเอ่ยปากว่า “ขอบคุณที่ยังจำผมได้ ผมนึกหน้าคุณออกแล้ว เราเคยเจอกันที่บ้าน… คุณเป็นเพื่อนรุ่นน้องใบ้นี่หว่า”

อดีต พล.อ.กองทัพบกต้องเอารถส่วนตัวไปจอดแถวซอยบริเวณติดวัด ซึ่งเป็นย่านโรงหนังเฉลิมเขตร์เก่า ระยะทางที่เดินมาวัดไม่ใช่ใกล้ๆ เพราะที่จอดรถในวัดเต็ม มีงานศพปลัดกระทรวงใหญ่คนหนึ่ง ก็งานที่มานั่นแหละ

ถ้าเป็นในอดีต รถนำหน้าตามหลังเป็นขบวนมาจอดเทียบหน้าศาลาสวดศพ แต่วันที่หมดอำนาจวาสนาต้องเดินเป็นกิโลเข้าวัด…อันนี้ไม่ต้องฮา เลือกเอาเลยครับท่านนายกฯจะเอาแบบไหน ต้องไปตายประเทศอื่น หายสาบสูญไปจากสังคมและความทรงจำ ตายไปพร้อมกับคำก่นด่าและลำเลิกเบิกประจาน หรือขึ้นหิ้งเป็นผู้ยังประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน

อยากอยู่ยาวอยู่เลย เอาที่สบายใจ เดี๋ยวก็รู้ว่า…หมู่หรือจ่า?


You must be logged in to post a comment Login