ซาอุฯทุ่มทุนบูมท่องเที่ยว

• Tweet
• 

ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศไม่เคยสนใจธุรกิจการท่องเที่ยวมาก่อน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีรายได้จากการขายน้ำมันมากเกินพออยู่แล้ว จึงบริหารประเทศด้วยนโยบายค่อนข้างปิด ยินดีต้อนรับต่างชาติ เฉพาะส่วนที่เข้าไปทำงาน และไปแสวงบุญเท่านั้น

แต่จากโครงสร้างทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มเปลี่ยนไป นั่นคืออุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งเป็น “ขุมทรัพย์” หลักของประเทศ เริ่มเข้าสู่ภาวะไม่มั่นคง

ทำให้ซาอุฯ ต้องปรับตัว เตรียมหารายได้จากอุตสาหกรรมอื่นทดแทน โดยการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจหนึ่ง ที่ประเทศใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางแห่งนี้ เลือกเข้ามาเป็น “น้องใหม่” เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาด

ซาอุฯวางแผนดำเนินมาตรการหลายอย่าง เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป้าหมายส่วนหนึ่งคือต้องการไล่ตามนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ซาอุฯ ยอมรับว่ารุดหน้าไปไกล

ด้านนักท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายแรก ได้แก่ พลเมืองท้องถิ่น โดยซาอุฯ วางแผนรณรงค์ให้คนท้องถิ่นเที่ยวในประเทศ แทนการเดินทางออกไปตระเวนทัวร์ต่างประเทศ

เจ้าชายสุลต่าน บินซัลมาน ประธานคณะกรรมาธิการเพื่อการท่องเที่ยวและมรดกแห่งชาติซาอุฯ ระบุว่าชาวซาอุฯ เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ละปีจำนวนมาก โดยดูไบเป็นสถานที่ยอดนิยม ซึ่งเท่าที่ผ่านมาในปีนี้ มีชาวซาอุฯ ไปท่องเที่ยวดูไบแล้วกว่า 1.2 ล้านคน

สำหรับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวที่สำคัญ คือการเตรียมก่อสร้างโครงการใหญ่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ บนพื้นที่ 34,000 ตารางกิโลเมตรริมทะเลแดง ติดพรมแดนประเทศจอร์แดน และติดพรมแดนทางน้ำกับอียิปต์ ใช้งบลงทุน 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (16.5 ล้านล้านบาท)

กำหนดก่อสร้างไตรมาส 3 ปี 2019 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า และกำหนดแล้วเสร็จเฟสแรก ไตรมาสสุดท้ายปี 2022

เมืองใหม่แห่งนี้ มีระบบสาธารณูปโภคครบวงจร รวมทั้งสนามบิน ท่าเรือ โรงแรมระดับหรู สถานบันเทิง สนามกีฬา สวนสนุก และบ้านพัก

ซาอุฯ มีแผนให้อำนาจฝ่ายบริหารท้องถิ่นทำงานเป็นอิสระ เพื่อความสะดวกคล่องตัว

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญ ได้แก่ โครงการออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มปีหน้าเป็นต้นไป โดยในปัจจุบัน ซาอุฯออกวีซ่าให้เฉพาะผู้เข้าไปทำงาน ไปแสวงบุญหรือท่องเที่ยวเชิงศาสนา และเข้าไปเยี่ยมญาติเท่านั้น

ซาอุฯตั้งเป้าระยะยาวไว้ว่า จะพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้สำคัญอันดับ 2 ของประเทศ

You must be logged in to post a comment Login