วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Social Movement

On November 29, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเลือกจัดครม.สัญจรลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อไปหามวลชนที่สนับสนุนของรัฐบาลทหารคสช.แทนที่จะได้ความมั่นใจกลับมาเพื่อใช้ประกอบการเลือกทางเดินบนถนนสายอำนาจในอนาคตช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง แต่ก้าวพลาดนิดเดียวทำให้ได้ผลตรงกันข้ามเชื่อว่าจากนี้ไปปรากฏการณ์โซเชียลมูฟเมนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันของคนทั้งประเทศจะหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อฐานอำนาจของรัฐบาลทหารคสช.ไม่มากก็น้อย

จากคำถามบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 ที่เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พิธีกรยิงใส่ตัวแทนสาวไทย “มารีญา พูลเลิศลาภ” ว่าอะไรคือความเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) ที่สำคัญที่สุดในยุคของคุณและทำไม ซึ่งว่ากันว่าเป็นคำถามที่ทำให้ตัวแทนสาวไทยไปไม่ถึงรอบ 3 คนสุดท้ายเพราะตอบไม่ตรงใจกรรมการ

แต่ในไม่ช้าไม่นานเชื่อว่าคนไทยจะเข้าใจคำว่า โซเชียลมูฟเมนต์ หรือการเคลื่อนไหวทางสังคมไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น

ทั้งนี้เพราะปัจจุบันกำลังเกิดปรากฏการโซเชียลมูฟเมนต์ ที่น่าสนใจและกำลังเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นของรัฐบาลทหารคสช.

ประเด็นที่ว่าเกิดจากการลงพื้นที่เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรในภาคใต้ซึ่งนำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ปรากฏการณ์โซเชียลมูฟเมนต์ ที่กำลังเป็นกระแสร้อนอยู่ในตอนนี้คือ การแชร์ภาพ แชร์คลิป การปะทะกันระหว่างทหารตำรวจกับกลุ่มประชาชนที่เคลื่อนไหวคัดค้านก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และมีการจับกุมตัวแกนนำใส่กุญแจมือไปหลายคนพร้อมกับเตรียมแจ้งดำเนินคดี

ภาพและคลิปการปะทะกันของเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมกำลังถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียล มีเดียต่างๆออกไปเป็นวงกว้างทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเนื่องจากรัฐบาลเพิ่งประกาศมติครม.ที่เห็นชอบและประกาศใช้วาระแห่งชาติให้ใช้สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

แน่นอนว่าภาพและคลิปที่ปรากฏสวนทางกับวาระแห่งชาติอย่างสิ้นเชิง

นอกจากภาพและคลิปการปะทะกันของเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมแล้ว ยังมีคลิปการใช้อารมณ์กับชาวประมงของท่านผู้นำที่ถูกเผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ จนต้องมีการเอ่อปากขอโทษที่คุมอารมณ์ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เหมาะสมกับประชาชน

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกรณีที่ท่านผู้นำแนะนำให้คนใต้หันมาปลูกมะพร้าวแทนยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคาตกอย่างยั่งยืน

ทั้งหมดนี้เป็นปรากฏการณ์โซเชียลมูฟเมนต์ ที่สำคัญ

สำคัญเพราะใครก็รู้ว่าพื้นที่ภาคใต้นั้นมวลชนส่วนใหญ่เคยร่วมกันขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ลงจากอำนาจ และรู้สึกยินดีกับการทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองของกองทัพ

เมื่อมวลชนที่สนับสนุนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลทหารที่พวกเขาให้การสนับสนุนแต่กลับถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นมิตรอย่างที่ควรจะเป็นย่อมทำให้เสียความรู้สึก ย่อมทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และย่อมทำให้เกิดคำถามในใจว่าคิดผิดหรือไม่กับการเคลื่อนไหวในอดีตที่ผ่านมา

ถ้าบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน อยู่คนละข้างกับรัฐบาลทหารคสช. มวลชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ก็น่าจะเป็นมวลชนฐานสุดท้ายที่ช่วยค้ำยันห้างอำนาจของรัฐบาลทหารคสช.ให้มั่นคงในช่วงที่ผ่านมา

แม้ท่านผู้นำจะออกมาขอโทษที่แสดงกริยาที่ไม่เหมาะสม แต่เรื่องความรู้สึกที่เสียไปแล้วเรียกกลับคืนมาไม่ได้

หากเรียกกลับคืนมาได้คงไม่เกิดปรากฏการณ์โซเชียลมูฟเมนต์ อย่างที่เห็นและเป็นอยู่

การเลือกจัดครม.สัญจรลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อไปหามวลชนที่สนับสนุนแทนที่จะได้ความมั่นใจกลับมาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกทางเดินบนถนนสายอำนาจในอนาคตในช่วงก่อนและหลังเลือกตั้ง แต่ตัดสินใจพลาดนิดเดียวทำให้ได้ผลตรงกันข้าม

เชื่อว่าจากนี้ไปปรากฏการณ์โซเชียลมูฟเมนต์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันของคนทั้งประเทศจะหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อฐานอำนาจของรัฐบาลทหารคสช.ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตหลังการเลือกตั้งไม่มากก็น้อย


You must be logged in to post a comment Login