- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
สัญญาณนับถอยหลัง / โดย Pegasus
คอลัมน์ : เพื่อชาติประชาชน
ผู้เขียน : Pegasus
อำนาจหมายถึงการจัดการอะไรก็ได้ตามใจ จะเป็นอำนาจแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จที่เป็นอยู่หรืออำนาจในระบอบประชาธิปไตยก็ตาม แต่ต้องหมายถึงมีอำนาจจริงๆ ทำตามความต้องการได้
การหมดอำนาจถ้าเป็นรัฐจะมีนิยามว่า “ปกครองไม่ได้” หรือ “ผู้ถูกปกครองไม่ยอมให้ปกครอง” ตอนนี้ประชาชนส่วนใหญ่สงสัยในพฤติกรรมแปลกๆของผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะกรณีความร่ำรวยผิดปรกติกับฐานะที่ควรมีควรได้ของผู้มีอำนาจหลายคนถึงข้อกังขาว่ามีการทุจริตกันมานานแค่ไหนแล้ว เพราะขณะนี้ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจได้ ทำให้เข้าทำนอง “วัวสันหลังหวะ” ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่าหากปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไปก็มีแต่จะทำให้ประเทศชาติเสียหาย
ประกอบกับมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งหากทำกันจริงๆแค่ 2 เดือนก็เสร็จ ประชาชนก็กลั้นใจรอคอยกันจนใกล้สำเร็จ เพื่อจะได้เลือกตั้งและสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลใหม่ได้เสียที ซึ่งหมายความว่าประชาชนไม่ต้องการมีรัฐบาลเผด็จการปกครองแบบนี้ไปนานๆ แม้จะมีกระแสเรื่องการสืบทอดอำนาจก็ตาม แต่ยังสามารถตรวจสอบผ่านระบบรัฐสภาที่มีการอภิปรายและกระบวนการตรวจสอบต่างๆได้
ที่ต้องจับตามองอีกกรณีคือ ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จต้องดูว่าในช่วงระยะเวลานับจากนี้ไปจะโยกย้ายข้าราชการหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าราชการประจำยังทำตามคำสั่งอย่างขมีขมันหรือใส่เกียร์ว่างเพียงซื้อเวลา ถ้าใส่เกียร์ว่างก็หมายถึงการปกครองที่ล้มเหลว เพราะใกล้จะหมดอำนาจจริงๆ จะมากหรือน้อยแค่ไหนก็รับรู้กันได้ว่าระบบราชการและข้าราชการทำงานกันอย่างไร
ส่วนสัญญาณที่ชี้ว่าผู้มีอำนาจใกล้หมดอำนาจหรือต้องนับถอยหลังลงจากอำนาจ ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ยึดอำนาจใหม่ๆ พรรคการเมืองและคนกันเองก็คงเงียบเชียบไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ แต่สถานการณ์ขณะนี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะการเล่นละครแบบ “แยกกันเดิน รวมกันตี” หรือไม่ก็มีบทละครให้ออกมาโจมตีผู้มีอำนาจเพื่อแสดงว่าเป็นคนละพวกกัน เพื่อให้ประชาชนที่มีสิทธิในการเลือกตั้งคิดว่าไม่ใช่พวกเดียวกันกับผู้มีอำนาจ จะได้เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ
การเล่นละครต้องทำให้เห็นว่าเป็นคนละพวกกัน ส่วนหลังเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไรค่อยหาคำพูดหรูๆมาว่ากันใหม่ หมายถึงความนิยมของประชาชนที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองนั้นๆจะสะท้อนให้เห็นหลังจากนี้ ไม่เหมือนอย่างพรรคเพื่อไทยที่ไม่กล้าขยับอะไรเลยตั้งแต่แรก
นอกจากการเคลื่อนไหวเพื่อเล่นละครแบบพรรคพวกคนกันเองแล้ว ต้องจับตามองเรื่องแปลกๆที่จะเกิดขึ้น นับตั้งแต่การโยกย้ายข้าราชการประจำที่จะไม่สนุกมือเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการใช้อำนาจกันเป็นว่าเล่น เพราะผู้มีอำนาจเริ่มรู้สึกถึงการใช้อำนาจแบบนี้แล้วว่าไม่ส่งผลดีหรืออาจมีผลข้างเคียงตามมามาก แต่วันนี้แม้จะรู้ก็คงสายเกินกว่าที่จะกลับลำแล้ว อำนาจที่จะปกครองข้าราชการประจำก็เหมือนจะหมดไปเรื่อยๆ นี่เป็นอีกสัญญาณที่ชัดเจนมากในระยะนี้
ขณะที่เรื่องภาระภาษีที่มีมากมายเพราะไม่สามารถหาเงินเข้าประเทศได้ก็เป็นสัญญาณการดิ้นรนเพื่อให้บริหารงานได้ ทำให้ต้องกู้เงินมาใช้มากมาย ซึ่งจะเป็นภาระในอนาคตอย่างมหาศาล หมายความว่ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศแล้ว เป็นสัญญาณการหมดอำนาจได้เป็นอย่างดี
สัญญาณการหมดอำนาจเพียงไม่กี่ตัวดังกล่าวเพียงพอที่จะเป็นหลักประกันว่าต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การสืบทอดอำนาจคงไม่ง่ายอย่างที่คิด จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีกี่ครั้งก็ตามก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ระบอบเผด็จการทหารคือปัญหาที่แท้จริง หากยังคงยื้ออำนาจเพื่ออยู่ให้นานที่สุด ประเทศก็มีแต่จะล่มสลาย การเปลี่ยนแปลงจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
You must be logged in to post a comment Login