วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สหรัฐใช้สิทธิยับยั้งมติยูเอ็น

On December 20, 2017

รายงานข่าวแจ้งว่า สหรัฐอเมริกา ประกาศขอใช้สิทธิยับยั้งร่างมติของสหประชาชาติที่ไม่ยอมรับการตัดสินใจของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ที่ให้การรับรองเมืองเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ในขณะที่สมาชิกอีก 14 ชาติที่เหลือทั้งหมดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสนับสนุนร่างมติดังกล่าว

นางนิกกี้ ฮาลีย์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติเป็นผู้ใช้สิทธิยับยั้งร่างมติของสหประชาชาติในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเสียงเดียวในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขณะที่ชาติสมาชิกที่เหลือไม่เห็นด้วยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะย้ายสถานทูตสหรัฐจากเมืองเทลอาวีฟไปยังเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเท่ากับเป็นการละเลยไม่สนใจกลุ่มชาวปาเลสไตน์ที่ก็อ้างสิทธิ์เหนือเมืองเยรูซาเล็มด้วยเช่นกัน การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐมีขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการละเมิดฉันทามติของนานาประเทศ ทำให้เกิดการประท้วงในประเทศมุสลิมทั่วโลกและการประนามอย่างรุนแรง พันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ อย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 14 ประเทศ จากจำนวน 15 ประเทศที่ยกมือสนับสนุนร่างมติที่อิยิปต์เป็นผู้นำเสนอ ในร่างมติดังกล่าวระบุว่า ประเด็นเรื่องเมืองเยรูซาเล็มเป็นเรื่องที่ต้องหาข้อยุติด้วยการเจรจา และการตัดสินใจใด ๆ เรื่องสถานะของเมืองเยรูซาเล็มจะไม่มีผลใดๆในทางกฎหมาย ถือเป็นโมฆะและจะต้องถูกยกเลิก

ส่วนความคืบหน้าในเรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเตรียมลงมติเรื่องการขยายเวลาการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดนไปยังพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฝ่ายต่อต้านในซีเรีย หลังจากรัสเซียเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางความช่วยเหลือดังกล่าว

ทั้งนี้ นับจากเมื่อปี 2557 ขบวนรถบรรเทาทุกข์ของสหประชาชาติสามารถเดินทางข้ามพรมแดนจากตุรกีและจอร์แดนโดยไม่ต้องขออนุญาตจากรัฐบาลซีเรีย เพื่อจัดส่งอาหารให้แก่ชาวซีเรียโดยเฉลี่ยราว 1 ล้านต่อเดือน แต่ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว รัสเซียได้พยายามหาทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมติของสหประชาชาติดังกล่าว โดยอ้างว่า การขนส่งไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างรัดกุมเพียงพอและยังเป็นการละเมิดอธิปไตยของซีเรีย


You must be logged in to post a comment Login