- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
“บทพิสูจน์ศรัทธารัฐบาล” สัมภาษณ์- วิลาศ จันทร์พิทักษ์ โดย ประชาธิปไตย เจริญสุข
คอลัมน์ : ฟังจากปาก
สัมภาษณ์โดย : ประชาธิปไตย เจริญสุข
“วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เตือน “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ทำตามสัญญา ประชาชนอาจลุกขึ้นมาทวงสัญญา ชี้การปราบโกงล้มเหลวสิ้นเชิง แม้แต่ ป.ป.ช. ก็กำลังถูกท้าทาย โดยเฉพาะกรณี “พล.อ.ประวิตร” หากไม่พิจารณาอย่างตรงไปตรงมาควรยุบ ป.ป.ช. ทิ้ง ปัญหาคอร์รัปชันเป็นวิกฤตศรัทธาของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี
++++++++++
ผมว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อยู่นานเกินไปแล้ว ปัญหาก็แก้ไม่ได้ เพราะคณะรัฐมนตรีหรือคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้งานนั้นส่วนใหญ่เป็นนายทหาร ไม่ใช่เป็นคนไม่ดี แต่ต้องดูเรื่องความรู้ความสามารถว่าตรงกับที่จะมาบริหารหรือไม่ ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์สอบตก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ท่านใช้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังไงก็แล้วแต่ และรัฐมนตรีบางคนก็ยังเอาคนของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา
อย่างการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย คนที่ประชาชนเรียกร้องให้ปรับออกเป็นพวกนายทหารทั้งนั้น แต่นายกฯจำเป็นต้องเอาพวกเอาเพื่อนที่ท่านไว้ใจเลยไม่ปรับ ส่วนคนที่ปรับออกก็เป็นประเภท “ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ” ไม่เด่นและไม่มีข้อเสีย แต่ที่ปรับก็เพื่อลดกระแสการเรียกร้องแก้ปัญหาต่างๆ วันนี้ลองไปเดินถามชาวบ้านก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยู่แทบไม่ไหวแล้ว เขาเรียกร้องให้มีเลือกตั้ง ท่านก็ลดกระแสโดยการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ปรับไม่ตรงกับความต้องการของชาวบ้าน คณะรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น
ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ความจริงผมไม่อยากพูดถึงจุดนี้เท่าไร เดี๋ยวจะหาว่าผมต้องการเลือกตั้งเหลือเกิน ผมอยากให้ คสช. ส่งคนที่ไว้ใจได้ อย่าแค่ให้ทำโพลเอาใจ ลงไปถามประชาชนในพื้นที่ต่างๆว่าเขาต้องการอะไร แล้วนำมาแก้ไขปรับปรุง ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มั่นใจว่าท่านจะอยู่ได้นานตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
กรณีที่ คสช. ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง เพราะมีพวกเสนอหน้าเยอะ ไปรายงานท่านตรงบ้างไม่ตรงบ้าง วันนี้ผมคิดว่านายกฯเริ่มรู้แล้ว ท่านรู้จักขอโทษ อย่างกรณีคำแนะนำของอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ที่พูดเรื่องรายได้คนใต้ ปรกติท่านไม่ยอมรับเลย แต่วันนี้ท่านรู้จักออกมาขอบคุณ ผมคิดว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีแล้ว ท่านเริ่มรู้แล้วว่าฝืนต่อไปก็เหนื่อย ผมเชื่อว่าท่านจะหาข้อเท็จจริงมากขึ้น ไม่ใช่ฟังแต่คนที่ไปรายงาน
งานปราบทุจริตคอร์รัปชัน
ผมมั่นใจว่าการทุจริตคอร์รัปชันยุค คสช. มีมากขึ้น มากกว่ายุคปรกติ เหตุผลคือ 1.วันนี้ไม่มีฝ่ายตรวจสอบ เมื่อก่อนนี้ยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลออกมาแฉว่าฝ่ายนั้นโกง ฝ่ายโน้นโกง ต่างฝ่ายต่างออกมาแฉกันเพื่อดิสเครติดอีกฝ่าย แต่วันนี้ส่วนนี้หายไป 2.ชาวบ้านเวลาไปติดต่อราชการ ไปร้องเรียนกล่าวหาว่ามีการทุจริต วันนี้ประชาชนไม่อยากไป จะพูดหยวนๆไป เพราะพูดแล้วกลัวจะโดนเชิญไปปรับทัศนคติ ทำให้ดูเหมือนการทุจริตมันน้อย มันเงียบ แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่อย่างนั้น ลึกๆแล้วมันเยอะขึ้น
ผมในฐานะประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร คิดว่าปัญหาคอร์รัปชันวันนี้มีมาก ตอนที่ทำรัฐประหารใหม่ๆ บ่อนการพนันนายกฯสั่งให้ปราบปรามเต็มที่ หัวคิวมอเตอร์ไซค์ก็สั่งให้จัดการเด็ดขาด แต่จากวันนั้นมาถึงวันนี้บ่อนการพนันย่านฝั่งธนบุรีมีแทบทุกซอยเลยและใจกล้าออกมาตั้งกลางถนนเต็มไปหมด มันอยู่ได้ยังไง ก็ต้องติดสินบน เมื่อก่อนส่งให้ตำรวจอย่างเดียว แต่วันนี้ให้ทหารด้วย เสียเพิ่มเลยต้องเปิดเพิ่ม
ผมอยากให้นายกฯส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจดูจะได้รู้ว่าที่ผมพูดจริงมั้ย เมื่อก่อนโยกย้ายนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาเรื่องส่วย วันนี้ท่านลองเรียกนายตำรวจสัก 10 คนเอาเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว ผมคิดว่าท่านจะรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร นี่คือปัญหาการปราบปรามการทุจริตที่ล้มเหลว ผมเสียดายที่นายกฯไม่ได้มีข้อมูลจริงๆในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ที่ท่านไปแจกรางวัลคุณธรรมและความโปร่งใสให้หน่วยงานต่างๆนั้น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้คะแนน 80-90 กันเป็นแถวเลย ลองไปถามชาวบ้านดูจะรู้ว่าหน่วยงานของรัฐที่ทุจริตมากที่สุดคือหน่วยงานใด แม้แต่สำนักงานศาลยุติธรรม ศาลปกครองก็ได้คะแนน 80 เศษๆ แต่รัฐวิสาหกิจได้กว่า 90 คะแนนถึง 13 หน่วยงาน อย่างนี้ท่านก็ไปเชื่อว่าหน่วยงานเหล่านั้นปลอดการทุจริต มันทำได้ยังไง
สมมุติว่าการประปาส่วนภูมิภาคได้คะแนน 93.58 วิธีการทำโพลว่ามีการทุจริตหรือไม่เราต้องไปสุ่มตัวอย่าง ถามคนโน้นคนนี้โดยไม่เปิดเผยชื่อ ไม่ใช่ทำโดยวิธีเขียนว่าจะสัมภาษณ์ใครบ้าง แถมยังเอาไปอยู่ในห้องเดียวกันอีก ถามว่าใครจะกล้าเขียนว่าหน่วยงานนี้มีผู้บริหารทุจริต ผมถึงบอกว่าวันนี้นายกฯยังไม่รู้จริง คนรายงานไปโกหกท่าน ผมอยากให้ท่านลองทบทวนดู ไปดูข้อมูลที่เขารายงานว่าจริงเท็จยังไง ถ้าโกหกท่านก็ซัดให้เต็มที่สักที
บทบาทองค์กรที่ตรวจสอบโกง
ผมไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ออกมาเป็นยังไง แต่ของเดิมให้หน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจสอบกำหนดกรอบเวลาทำงาน หมายความว่าคุณต้องบอกมาเลยว่า เรื่องนี้ แบบนี้ ระดับนี้ จะเอางบประมาณหรือขนาดของปัญหาเป็นตัวกำหนด ต้องมีกรอบเวลาทำงานแต่ละเรื่องว่าใช้เวลานานเท่าไร รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดูเหมือนว่าพยายามจะบอกให้ทำ แต่ไม่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมายลูกกำหนดหรือไม่ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ากำหนดหรือไม่ อย่างไร
ผมไม่รู้ว่าจะคาดหวังกับองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือองค์กรอื่นๆ แต่ที่ผมเห็นว่าดีขึ้นคือไวขึ้นหน่อย สมมุติกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องครอบครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชรไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ผมไม่รู้ว่าท่านจะชี้แจงยังไง สมบัติแต่ละชิ้นได้มาอย่างไร มีแต่ข่าวว่าแหวนเพชรแม่ให้มา นาฬิกาก็ยืมเพื่อน อย่างนี้เป็นไปได้หรือ ผมคิดว่าคนอย่าง พล.อ.ประวิตรจะไม่บอกแบบนี้
ถ้า ป.ป.ช. บอกว่าไม่ผิด ผมก็บอกให้ยุบ ป.ป.ช. ได้เลย หากสอบสวนอย่างนี้จะไปสอบสวนเอาผิดใครได้ จะมี ป.ป.ช. ไปทำไม สังคมคงไม่ไว้ใจ ป.ป.ช. แน่ ยิ่งวันนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน เคยเป็นลูกน้อง สังคมยิ่งจับตามอง แต่เราอย่าไปมองโลกในแง่ร้าย รอดูการพิจารณาของ ป.ป.ช. ก่อน เพราะ ป.ป.ช. ไม่ได้มีประธานคนเดียว ยังมีคนอื่นอีก เรื่องวิพากษ์วิจารณ์ก็ว่ากันไป
สำหรับผมยืนยันว่าการพิจารณาเรื่อง พล.อ.ประวิตรจะเป็นการตัดสินอนาคตของ ป.ป.ช. ด้วย ผมขอย้ำว่าถ้า ป.ป.ช. ไม่พิจารณาเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาก็สมควรที่จะต้องยุบ ป.ป.ช. ทิ้งไป เพราะมีไปแล้วจับใครก็ไม่ได้ ปีหนึ่งเสียเกือบหมื่นล้านบาท
วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล นายกฯประกาศว่า ป.ป.ช. มีผลงานเพิ่มขึ้น ชี้มูลความผิดและดำเนินคดีกับคนทุจริตคิดเป็นเงินทั้งหมด 853 ล้านบาท เดิมปี 2559 มี 180 ล้านบาท ผมก็บอกว่าไม่น่าจะแถลงว่าเป็นผลงานเลย เพราะ ป.ป.ช. มีเงินเดือนและค่าใช้จ่ายปีหนึ่งประมาณ 8,000 ล้านบาท และตัวเลขการคอร์รัปชันก็รู้กันอยู่ว่าปีหนึ่งๆมีหลายแสนล้านบาท อย่างนี้คุ้มที่ไหน ตั้งหน่วยงานมาปราบได้แค่ 853 ล้านบาท นายกฯไม่น่าเอามาคุยเลย ถ้าพูดว่าท่านพยายามส่งเสริมให้ยึดเงินคืนให้มากขึ้นก็ยังจะไม่ค่อยหมั่นไส้นัก
แสดงว่ารัฐบาลล้มเหลวปราบโกง
จริงๆแล้วการปราบคอร์รัปชันของรัฐบาล คสช. มีปัญหาค่อนข้างมาก ที่สำคัญคือการเล่นพรรคเล่นพวก ผมก็เรียกร้องนายกฯหลายครั้งแล้วว่าอย่าคำนึงว่าคนนี้เป็นเพื่อน เป็นพวก เป็นญาติ ท่านต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง อย่าไปเว้นคนที่เป็นเตรียมทหารรุ่น 12 เป็น วปอ.50 อะไรอย่างนี้ ถ้าผิดก็ต้องเอาให้หมด ไม่ใช่ผิดแล้วบอกว่าเอาไว้ก่อน อย่างนี้จะไหวหรือ ถามว่าถ้านายกฯเอาจริงในการปราบคอร์รัปชันจะเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้หรือไม่ ผมคิดว่าถ้าท่านฟันคดีใหญ่ๆสัก 1-2 คดี ความเชื่อถือก็จะกลับมาได้
ผมยกตัวอย่างคดียาปราบศัตรูพืชที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมเป็นประธาน ป.ป.ช. ตอนนั้น พบว่ามีผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 22 คน ผมก็แถลงไป คนแรกที่ผมสอบสวนตอนนั้นคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ใช้เงิน 97 ล้านบาทซื้อยาปราบศัตรูพืช นายกฯใช้มาตรา 44 ไล่ผู้ว่าฯบึงกาฬออกพร้อม 6 นายอำเภอ และข้าราชการอีก 47 คน หลังจากนั้นก็ไล่ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดที่ซื้อยาปราบศัตรูพืช 200 ล้านบาท พอมาถึงผู้ว่าฯมุกดาหารท่านกลับเฉย ทั้งๆที่ผู้ว่าฯคนนี้ซื้อยาปราบศัตรูพืชถึง 811 ล้านบาท แต่กลับไม่เอาออก ซื้อยาปราบศัตรูพืชจากบริษัทเดียวกัน แถมแพงกว่า 10 เท่าเหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่ผู้ว่าฯมุกดาหารกลับไม่โดนอะไรเลย เช็กไปเช็กมาปรากฏว่าเป็น วปอ.รุ่น 50 แล้วก็เป็น สนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ด้วย จนวันนี้ก็ยังสบายดี
ผมถามเรื่องนี้มาทั้งหมด 30 ครั้งแล้ว ท่านบอกว่าขอตรวจสอบก่อน ท่านตรวจมาจะครบ 3 ปีแล้วยังเฉย นี่ไงผมถึงบอกว่านายกฯต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ต้องไม่เว้นแม้แต่เตรียมทหารรุ่น 12 หรือ วปอ.รุ่น 50 ผมขอเตือนว่าถ้าท่านทำไม่จริงจังจะทำให้คนที่คิดจะโกงก็โกงต่อไป เพราะไม่ได้ปราบกันจริงจัง มันเลยคุ้มต่อความเสี่ยงที่จะโกงต่อไป
ดังนั้น ปัญหาการปราบคอร์รัปชันจึงเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อท่านนายกฯ เพราะท่านทำรัฐประหารเข้ามา และวันที่แถลงนโยบายครั้งแรกก็บอกว่าจะทำ 2 เรื่องอย่างจริงจังเด็ดขาดคือ 1.ปราบปรามการทุจริต และ 2.ปราบปรามคนทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วันนี้ลองทบทวนดูว่าท่านทำอะไรไปบ้าง โดยเฉพาะกรณีของ พล.อ.ประวิตรที่เกิดขึ้นขณะนี้
จุดอ่อนของรัฐบาล
พล.อ.ประวิตรเข้ามาเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2551 ท่านไม่ได้มีรายได้พิเศษอะไรเลย และไม่ได้มีรายได้ทุกปีจนถึงปีนี้ เกือบ 4 ปีหลังรัฐประหารครั้งนี้ ทรัพย์สินท่านก็เพิ่มติดจรวด ถ้าถามผมวันนี้ก็อยากจะพิสูจน์ คือผมไม่ต้องการร้องเรียนในยุคนี้ เพราะไม่มั่นใจว่า ป.ป.ช. จะทำได้แค่ไหน แต่ถ้าเลยช่วงนี้ไปวันหลังก็จะจัดการอะไรไม่ได้ ผมจึงคิดว่าจะเช็กบิลย้อนหลังเมื่อมีสมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้งดีกว่า
ผมเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรกลายเป็นเป้านิ่งของรัฐบาล คสช. ขณะนี้ ซึ่งจะมีปัญหาถึงวิกฤตศรัทธาที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล ท่านนายกฯเป็นคนดี เป็นคนไม่ทิ้งพวก แต่เรื่องพวกพ้องหรือญาติอะไร เมื่อเป็นผู้นำรัฐบาลท่านต้องละไว้บ้าง พล.อ.ประวิตรทำไมไม่ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีทั้งที่ท่านก็อายุมากแล้ว นายกฯไม่คิดจะให้ท่านไปพักผ่อนเลยหรือ เพราะ พล.อ.ประวิตรก็เคยบอกว่าอยากจะพักผ่อน นายกฯไปฝืนบังคับให้ท่านให้ทำงานอยู่เพราะอะไร
ปี 2561 จะมีเลือกตั้งหรือไม่
ผมไม่เคยมั่นใจ เพราะโรดแม็พที่ท่านนายกฯพูดนั้นไม่เคยเป็นไปตามกำหนดเลย ครั้งนี้ผมเชื่อว่านายกฯจะทำตามโรดแม็พ เพราะประชาชนวันนี้ยากลำบาก อยู่ไม่ได้ เขาต้องการให้มีการเลือกตั้ง ผมว่าคนเราถึงจุดหนึ่งแล้วก็จะทนไม่ได้ เศรษฐกิจมันแย่ ผมกลัวว่าจะเกิดมีปัญหาตามมา ดังนั้น การเลือกตั้งจึงไม่น่าจะยืดออกไปอีก คือไม่ควรเกินเดือนพฤศจิกายนปี 2561 หากยังไม่มีการเลือกตั้งตามโรดแม็พ รัฐบาล คสช. จะเกิดอะไรขึ้นผมก็คาดเดาไม่ได้ เพราะคนเราทนไม่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง โอกาสที่จะเกิดความไม่พอใจและปัญหาต่างๆ ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ถ้านายกฯไม่ทำตามสัญญา ประชาชนอาจจะลุกขึ้นมาทวงสัญญาก็ได้ ผมคิดว่านายกฯน่าจะรู้ดี
You must be logged in to post a comment Login