วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

คัดเลือดแท้

On December 26, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

คำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แม้จะถูกวิจารณ์ในแง่ลบเสียเป็นส่วนใหญ่ว่าเป็นการเซ็ตซีโร่เพื่อหวังตกปลาในบ่อเพื่อน แต่เมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้ก็น่าจะลองมองมุมกลับ นี่อาจเป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองจะได้ “คัดเลือดแท้” กันอีกรอบ คนที่ยังอยู่กับพรรคหลังมีคำสั่งนี้คือตัวจริงเสียงจริงที่พรรคต้องให้ความสำคัญมากกว่ากลุ่มการเมืองที่ทำตัวเหมือนฝูงอะไรสักอย่างที่เห็นแหล่งไหนมีน้ำมีอาหารอุดมสมบูรณ์ก็อพยพย้ายแหล่งหากินกันอยู่ร่ำไป

เรียกเสียงวิจารณ์อื้ออึงหลังหัวหน้าคณะรักษาความวงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

ประเด็นที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดหนีไม่พ้นเรื่องให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องส่งหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคและจ่ายเงินค่าสมาชิก ตามระยะเวลาที่กำหนดคือภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 หากพ้นจากกำหนดนี้ถือว่าไม่ประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นต่อไป

สาระสำคัญของคำสั่งนี้ไปแก้พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่ให้พรรคการเมืองเป็นผู้ยืนยันจำนวนสมาชิกต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่เปลี่ยนเป็นให้สมาชิกพรรคยืนยันความประสงค์จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆต่อไป ก่อนที่พรรคจะแจ้งจำนวนสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียน

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงถูกมองว่าเป็นการเซ็ตซีโร่พรรคการเมือง คือหลังจากมีคำสั่งออกมาทุกพรรคการเมืองต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์เหมือนกันหมด ต้องรอหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคจากสมาชิกเดิมที่มีอยู่จึงนับจำนวนใหม่ที่แท้จริงได้

จากฐานข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่าพรรคการเมืองที่มาชิกมากที่สุดในตอนนี้คือ พรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิก 2,895,954 คน รองลงมาเป็นพรรคมหาชน 1,181,015 คน พรรคภูมิใจไทย 153,087 คน พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกเพียง 134,834 คน

สมาชิกเหล่านี้จะพ้นสภาพหากไม่ทำหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อพรรค ไม่ต้องยื่นใบลาออกก็สามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าที่มีอยู่หรือพรรคที่จะตั้งขึ้นมาใหม่

ไม่ว่าจะใครจะมองประเด็นนี้อย่างไร แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นหลังจากที่มีคำสั่งนี้ออกมาคือการวัดใจว่าสมาชิกพรรคการเมืองปัจจุบันมีความจงรักภักดีต่อพรรคต้นสังกัดอยู่หรือไม่

แน่นอนว่าโฟกัสของเรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ที่สมาชิกระดับธรรมดาที่เป็นประชาชนทั่วไป

แต่โฟกัสอยู่ที่สมาชิกที่มีสถานะเป็นอดีตส.ส. หรืออดีตผู้สมัครส.ส.ที่มีฐานะคะแนนอยู่ในเกณฑ์ดีมีโอกาสชนะเลือกตั้ง

คนที่มีบทบาทแสดงตัวตนอย่างชัดเจนโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาโอกาสในการย้ายออกจากพรรคเดิมคงมีไม่มาก เพราะถูกภาพลักษณ์ที่สร้างไว้เป็นเงื่อนไขค้ำคออยู่ แต่ระดับอดีตส.ส.ธรรมดาที่อยู่อย่างโลว์โปรไฟล์หากคิดจะโยกย้ายสังกัดนี่คือโอกาสทอง

หากมองว่าการเมืองในอนาคตอันสั้นข้างหน้าไม่นิ่ง ถึงมีเลือกตั้งก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในตำแหน่งได้นานแค่ไหน บางทีผลประโยชน์เฉพาะหน้าอื่นที่ถูกเสนอหยิบยื่นให้ตามที่มีกระแสข่าวอาจดีกว่าไปหวังน้ำบ่อหน้า

จริงอยู่ว่าการเมืองในระยะหลังชื่อพรรค แนวทางการเมืองและผลงานในอดีตเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงขงประชาชนมากขึ้น

แต่ถ้าชนะเลือกตั้งเข้ามาแล้วอยู่ได้เพียง 1-2 ปี

บางทีการไปสังกัดพรรคอื่นแม้จะเสี่ยงสอบตกก็คุ้มค่ามากกว่า

ได้เวลา “คัดเลือดแท้” กันอีกรอบ แน่นอนว่าเมื่อผ่านรอบนี้ไปได้พรรคการเมืองจะเข้มแข็งมากขึ้น


You must be logged in to post a comment Login