วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

มัชฌิมาโมเดล

On December 27, 2017

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ข้อเสนอของบประมาณพัฒนาพื้นที่ผ่าน 134 โครงการวงเงินรวม 6,500 ล้านบาทของอดีตส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในการประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งครม.ได้ให้ความเห็นชอบหลายโครงการแม้ไม่ได้บอกว่าโครงการไหนเป็นโครงการที่ส.ส.กลุ่มมัชฌิมาเสนอ แต่กลุ่มที่เสนอย่อมรู้ ส่วนจะขาดทุนหรือกำไรอย่างที่แกนนำกลุ่มพูดไว้นั้นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่กรณีนี้อาจทำให้มีโอกาสเกิด “มัชฌิมาโมเดล” คือการรวมกลุ่มกันของอดีตส.ส.ยื่นของบประมาณทำโครงการพัฒนาพื้นที่จากรัฐบาลเพื่อใช้งบประมาณ ใช้โครงการพัฒนาตกเขียวคะแนนเสียงจากประชาชน เรียกความมั่นใจก่อนตัดสินใจย้ายสังกัด หลังจากหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจเปิดช่องให้ปลดแอกตัวเองเป็นอิสระจากพรรคที่สังกัดอยู่ในปัจจุบัน และยังเป็นการวัดใจว่าพร้อมดูแลกันจริงหรือไม่

“หากงานนี้ได้งบประมาณน้อยกว่า 5,000 ล้านบาทถือว่าขาดทุน”

ประโยคไฮไลต์สำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มมัชฌิมานำสมาชิกเข้าหารือกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อของบประมาณพัฒนาจังหวัดสุโขทัยรวมทั้งสิ้น 6,500 ล้านบาท

มองเบื้องหน้า134 โครงการที่กลุ่มกลุ่มมัชฌิมาเสนอต่อรัฐบาล แม้จะเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่โดยรวมผ่านการจ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งกลุ่มมัชฌิมาไม่มีส่วนโดยตรงต่อการใช้จ่ายงบประมาณ

แต่หากรัฐบาลตอบสนองไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วนจะถือเป็น “มัชฌิมาโมเดล” ให้กับอดีตส.ส.กลุ่มต่างๆรวมตัวกันยื่นโครงการเพื่อขอใช้งบประมาณพัฒนาพื้นที่ตัวเองปูทางชิงคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งที่จะมาถึง

กรณีนี้หากไม่คิดมากก็ไม่มีปัญหาเพราะถือเป็นการช่วยรัฐบาลทำงานในฐานะคนอยู่ในพื้นที่ย่อมรู้ดีว่าประชาชนขาดเหลืออะไร ต้องการโครงการแบบไหน ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะช่วยให้รัฐบาลแก้ปัญหาแบบเกาถูกที่คัน

แต่ประเด็นคำถามคือทำไมมาเสนอกันตอนนี้ ตอนที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง

หากจะตอบว่าที่เสนอตอนนี้เพราะเป็นช่วงที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสุโขทัย แม้จะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่เสนอ ทั้งที่สามารถนำเสนอโครงการได้ตลอดเวลา

ถ้าเห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน ยิ่งต้องรีบนำเสนอไม่ใช่รอเวลาจนใกล้จะมีเลือกตั้งในปลายปีหน้า

ที่สำคัญคือการนำเสนอโครงการขอใช้งบประมาณ 6,500 ล้านบาทช่างประจวบเหมาะกับกระแสข่าวตั้งพรรคใหม่ ตกปลาในบ่อเพื่อน ที่ดังอื้ออึงอยู่ในตอนนี้

หากยังจำกันได้ไม่นานก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มมัชฌิมาเป็นผู้นำเสนอแนวคิดล้างไพ่การเมืองใหม่โดยให้ผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้าไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค

แม้ข้อเสนอจะไม่ได้รับการตอบรับอย่างเต็มที่ แต่การใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องทำหนังสือยืนยันความต้องการเป็นสมาชิกพรรคนั้นๆภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 หากพ้นกำหนดให้ถือว่าไม่ประสงค์เป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัดอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการล้างไพ่นักการเมืองใหม่

ปลดปล่อยให้นักการเมืองมีอิสระในการโยกย้ายพรรคได้เต็มที่

แม้นายสมศักดิ์จะแบ่งรับแบ่งสู้ที่จะนำบรรดาอดีตส.ส.ที่เป็นสมาชิกกลุ่มมัชฌิมาเข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่หากมีการตั้งขึ้นโดยจะขอดูปัจจัยต่างๆก่อน แต่แนวทางการเมืองของนายสมศักดิ์และสมาชิกกลุ่มมัชฌิมาที่ผ่านมานั้นชัดเจนจนคาดเดาการตัดสินใจได้ไม่ยาก

เมื่อรูปการณ์เป็นอย่างนี้โอกาสที่จะเกิด “มัชฌิมาโมเดล” การรวมกลุ่มกันของอดีตส.ส.เพื่อยื่นของบประมาณทำโครงการพัฒนาพื้นที่จากรัฐบาล เพื่อตกเขียวคะแนนเสียงจากประชาชนอาจเกิดขึ้นได้ เพื่อ เรียกความมั่นใจก่อนตัดสินใจเปลี่ยนค่าย ย้ายสังกัด

อย่างไรก็ตามหากศึกษาการเมืองที่ผ่านมาผู้มีอำนาจก็ไม่ควรไว้วางใจนักการเมืองเพราะในอดีตมีให้เห็นไม่น้อยแม้จะรับค่าตอบแทนในการย้ายสังกัดแล้ว แถลงเปิดตัวกันไปแล้ว แต่พอถึงวันเอาจริงกลับไปสวมเสื้อค่ายอื่นยื่นใบสมัครส.ส.หน้าตาเฉยก็เคยมีให้เห็นกันมาแล้ว


You must be logged in to post a comment Login