- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 23 hours ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 2 days ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 3 days ago
- อย่าไปอินPosted 6 days ago
- ปีดับคนดังPosted 7 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
“ไดกิ้น” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่รับปี 2561
มร. ฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า นับเป็นเวลาเกือบศตวรรษแล้ว ที่ไดกิ้นครองความเป็นผู้นำด้านระบบปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์ที่คนทั่วโลกไว้วางใจ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น และการมุ่งพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ พร้อมด้วยบริการเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเลิศ ด้วยปณิธานที่หนักแน่นนี้เอง ทุกหน่วยงานขององค์กรจึงไม่หยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านระบบปรับอากาศของผู้คนจากทุกมุมโลก และในปีนี้เราก็พร้อมจะแนะนำผลิตภัณฑ์ทำความเย็นรุ่นใหม่หลากหลายประเภท ทั้งยังมีเครื่องฟอกอากาศที่จะมาร่วมเติมเต็มความต้องการใช้งานในทุกพื้นที่ทุกรูปแบบ รวมถึงนวัตกรรม ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ซึ่งยังคงให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดพลังงาน เพื่อเน้นย้ำให้เห็นว่าไดกิ้นจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อคงความเป็นหนึ่งในตลาด
“หลังจากที่ออกสินค้าตัวใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่พักอาศัย และเชิงพาณิชย์ ในปี งบประมาณ 2560 ที่จะจบในเดือนมีนาคม 2561 นี้ เราคาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท (ปี 2559 เทียบกับ ปี 2560) ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญ่าทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยเกิดการชะลอตัว และจากกลยุทธ์ที่เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มานำเสนอ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ในปี 2561เราจึงหวังว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไดกิ้นรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 28 เปอร์เซ็นต์ มร. ทานากะกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง “ไดกิ้น” ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดพื้นที่ ประหยัดพลังงานด้วยระบบอัจฉริยะเหนือระดับ พร้อมทั้งยังใส่ใจเรื่องดีไซน์ ความสวยงามและความสะดวกของการติดตั้ง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย อาทิ เครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง รุ่น Super Smart เป็นแอร์ที่ร่วมวิจัยกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ภายในหน่วยงาน สวทช. เพื่อพัฒนาแอร์ที่ควบคุมระดับความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับคนไทย และเป็นรุ่นที่ประหยัดไฟมากที่สุดของไดกิ้น, เครื่องปรับอากาศติดผนัง รุ่น Sabai Inverter เป็นแอร์ไลน์อัพใหม่ที่ประหยัดพลังงานด้วยระบบอินเวอร์เตอร์ในราคาประหยัด แผงวงจรทนไฟกระชากถึง 440 โวลต์ ใช้งานสบายใจในราคาสบายกระเป๋า, เครื่องปรับอากาศแบบติดเพดาน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับการใช้สารทำความเย็น R32 ใน Sky Air Inverter เต็มรูปแบบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานให้มากขึ้น ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ทุกรุ่น, เครื่องปรับอากาศแบบแขวนใต้ฝ้า Non-inverter ประหยัดไฟเบอร์ 5 เต็มไลน์อัพ เน้นประหยัดพลังงาน และให้ความเย็นเร็วเต็มบีทียู เพื่อมุ่งขยายฐานตลาดไปสู่กลุ่มงานราชการให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องฟอกอากาศที่มาพร้อมกันถึง 3 แบบ 3 รุ่นใหม่ ที่สามารถฟอกอากาศได้ทั้งภายในและภายนอกเครื่อง ครอบคลุมทุกขนาดห้อง ตั้งแต่ 20-41 ตารางเมตร ที่จะมาเติมเต็มความต้องการด้านระบบปรับอากาศและฟอกอากาศอย่างครบครัน
ส่วนเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ อาทิ เครื่องปรับอากาศ VRV A Series และ VRV X Series ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพทำความเย็นและประหยัดพลังงานมากขึ้น, เครื่องปรับอากาศ AP (Applied Product) อย่างเครื่องปรับอากาศ Chiller ที่มีประสิทธิภาพสูงโดยเน้นประหยัดพลังงาน พร้อมกันนี้ยังเปิดตัว ระบบ Innovation อาทิ Smart Home Kit นวัตกรรมที่จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศไดกิ้น เชื่อมต่อกับ Home Automation ได้ง่ายแ ละสมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งยังมี Demand Control System อุปกรณ์ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยลดค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าได้สูงถึง 25%
โดยเครื่องปรับอากาศที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดนี้ไดกิ้นมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช้ภายในบ้านและกลุ่มผู้ออกแบบวิศวกรรม ที่ปรึกษา หรือ Consultant Designer และ ดีเวลล็อปเปอร์ มากไปกว่านั้นบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะรุกตลาดอินเวอร์เตอร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2560 นี้ ไดกิ้นยังคงรักษาความเป็นผู้นำด้านตลาดอินเวอร์ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 23% ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด ผู้ผลิตทุกรายหันมาผลักดันระบบอินเวอร์เตอร์มากขึ้น เราจึงคาดว่าสัดส่วนมูลค่าตลาดระบบอินเวอร์เตอร์จะเพิ่มจาก 40% ในปี 2560 เป็น 55-60% ในปี 2561 โดยมีเป้าหมายที่ไดกิ้นยังคงเป็นผู้นำตลาดอินเวอร์เตอร์อยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่าตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์ในเมืองไทยยังคงเติบโตขึ้นทุกปี และมีมูลค่าตลาดสูงถึงกว่า 1.5 ล้านเครื่อง และคาดว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2560 โดยไดกิ้นมองว่าจะสามารถได้ส่วนแบ่งการตลาดกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 ซึ่งจะยังคงทำให้เราเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเครื่องทำความเย็นทั้งในที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง โดยมาจากปัจจัยบวกต่างๆ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มการลงทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคอุตสาหกรรมและโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้นมาก
นอกจากนี้ไดกิ้นเอง ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย และแคมเปญทางการตลาดต่างๆ เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าด้วย และยังคงมีซูเปอร์สตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาการบริการหลังการขายที่ไม่หยุดนิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและไว้ใจในแบรนด์ไดกิ้นเสมอมา โดยเราพร้อมให้บริการในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วยการขยายสาขาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 5 สาขา, Mobile Office 2 แห่ง และ Service Center 3 แห่ง และปีหน้าเรามุ่งเน้นในการเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการให้กับ Authorized Service Dealer เพื่อให้ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดและสะดวกรวดเร็วที่สุด นอกจากนั้นเรายังเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าโดยผ่าน Smart Phone ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการ ทั้งการตรวจสอบระยะเวลาการรับประกัน, การแจ้งซ่อม, แจ้งล้างแอร์ และตอบคำถามทางเทคนิค รวมถึงบริการอื่นๆเพิ่มเติม โดยลูกค้าเพียงลงทะเบียนรับบัตรรับประกันอิเล็คทรอนิคส์กับช่างผู้ติดตั้งผ่านสมาร์ทโฟน หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซท์ https://www.daikin.co.th/service-product-registration/ ก็จะทำให้เข้าถึงการบริการของไดกิ้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบประมาณกลางปี 2561
You must be logged in to post a comment Login