วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศวปถ.ชี้ปมเทศกาลปีใหม่ความเร็วและการดื่มแอลกอฮอล์ยังเป็นต้นเหตุปัญหาหลัก

On January 9, 2018

นพ.ธนะพงษ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวว่า จากข้อมูลบาดเจ็บของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่7ม.ค.61 พบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากช่วง7วันเทศกาล เป็น 463 ราย โดยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย7,423ราย ในจำนวนนี้ร้อยละ17.9เป็นเยาวชน อายุน้อยกว่า 20 ปี จำนวน 1,329 ราย หรือเฉลี่ย189.86 ราย/วัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงฉลองจะมีสัดส่วนผู้บาดเจ็บที่ดื่มร่วมด้วยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ใช้อุปกรณ์นิรภัยลดลง โดยเฉพาะผู้ขี่จักรยานยนต์ มีการสวมหมวกนิรภัยลดลง เหลือเพียง15เปอร์เซนต์ นอกจากนี้การใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้บาดเจ็บก็พบเฉลี่ยเพียงร้อยละ 27.16 เปอร์เซนต์  อย่างไรก็ตามแม้มีการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สมดุลกับความเสี่ยงบนถนน โดยเทศกาลปีใหม่พบว่าการดำเนินคดีในสิบข้อหาเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะข้อหาหลักขับเร็ว ดำเนินคดี 55,908 รายเพิ่มขึ้นจาก 37,019ราย (เพิ่ม51.03เปอร์เซนต์) และข้อหาเมาขับ ดำเนินคดี20,125 ราย เพิ่มจาก13,491 ราย(เพิ่ม 49.17 เปอร์เซนต์) นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีมาตรการตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกราย ในกรณีที่มีเสียชีวิต/หรือบาดเจ็บสาหัส เมื่อมารักษาที่โรงพยาบาลทุกราย โดยเบื้องต้นมีการรายงานว่า ตรวจวัดไปกว่า 1000 ราย และทราบผลเบื้องต้น 200 ราย พบมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกฎหมายกำหนด ร้อยละ 50 ซึ่งผลตรวจจะถูกนำไปฟ้องดำเนินคดีต่อไป

“เมื่อเทียบกับความเสี่ยงบนท้องถนนที่มีอยู่จำนวนมาก จะพบว่าการดำเนินคดียังทำได้จำกัด  ดังจะเห็นได้จากคดีเมาแล้วขับ20,125 ราย คิดเฉลี่ยได้ 37.3ราย/จังหวัด/วัน ซึ่งเมื่อเทียบกับการมีคนดื่มขับจำนวนมากบนถนน ถือได้ว่าการตรวจจับยังทำได้จำกัดไม่สมดุลกับความเสี่ยงบนถนนรวมทั้งเมื่อศาลตัดสินผู้กระทำความผิด เมาขับ ก็พบว่ามีการส่งคุมประพฤติ เพียงหนึ่งในสามที่เหลือ 2/3 ยังคงเพียงโทษปรับ –โทษจำ รอลงอาญา” นพ.ธนะพงษ์ กล่าว

นพ.ธนะพงษ์ กล่าวต่อว่า มีการพยายามมองเรื่องเมาแล้วขับไม่สำคัญซึ่งเป็นการหลงทาง เพราะแท้จริงคือ การบังคับใช้น้อยไป แต่ควรเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้น  ซึ่งการดื่มยังเป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ และจะพบว่าความเสี่ยงบนถนนในช่วงเทศกาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปริมาณการทางเดิน การส่งเสริมการท่องเที่ยว การฉลองหรือกิจกรรมที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ประกอบกับข้อจำกัดของตำรวจที่มีภารกิจทั้งจัดการจราจรและบังคับใช้กฎหมายควบคู่กัน ซึ่งสิ่งสำคัญคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพิ่มอุปกรณ์บังคับใช้กฎหมายในความเสี่ยงหลัก เช่น ขับเร็ว ดื่ม/เมาขับ ให้เพียงพอ โดยเฉพาะเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่มีจำกัดในทุกพื้นที่

นพ.ธนะพงศ์ ระบุว่า กรณีปัญหาดื่ม เมาขับ ต้องกำหนดให้อุบัติเหตุทุกรายที่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส ต้องตรวจวัดแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่าย ส่วนในกรณีที่คนขับหนีจากที่เกิดเหตุ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจวัดแอลกอฮอล์ พิจารณาให้มีบทลงโทษที่รุนแรงไม่น้อยกว่า เมาขับ ชนคนตาย ทั้งเร่งกระบวนการพัฒนาระบบข้อมูลความผิดซ้ำการเชื่อมโยงข้อมูลผู้กระทำความผิดระหว่างตำรวจและกรมขนส่งทางบก รวมทั้งการกำหนดให้มีคดีอุบัติเหตุจราจรถือเป็นคดีที่ต้องรายงานและนำเสนอในการประชุมความมั่นคงทุกระดับ ทั้งอำเภอ จังหวัด ส่วนกลาง เพื่อให้ ศปถ.วางแผนป้องกันแก้ไข หรือมีมาตรการที่เหมาะสมต่อไป


You must be logged in to post a comment Login