วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บัวช้ำน้ำขุ่น

On January 12, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กรณีนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” ดูท่าว่าเป็นเรื่องยากที่จบแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น หากมีแค่นาฬิกาเรือนเดียว กับแหวนเพชรเพียง 1 วง ทางออกจากปัญหาอาจทำได้ง่ายกว่านี้ แต่เมื่อถูกขุดพบนาฬิกาหรูถึง 19 เรือน มูลค่ารวมกันกว่า 29,623,000 บาท ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะจบเรื่องนี้แบบไม่แคร์กระแสสังคม ยิ่งประเด็นตรวจสอบถูกขยายวงกว้างออกไปเป็นสืบหาที่มาที่ไปของนาฬิกา ตรวจสอบหาเจ้าของ ตรวจสอบหาผู้นำเข้า ตรวจสอบว่ามีการเสียงภาษีถูกต้องหรือไม่ จึงไม่แปลกที่ “บิ๊กป้อม” จะร้อง “โอ๊ย!” สั้นๆแค่คำเดียวก่อนเดินหนีกลุ่มนักข่าวในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด

กรณีนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูว่าจะเจอทางตันมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่ทางตันในการตรวจสอบอย่างที่หวั่นวิตกกันก่อนหน้านี้ แต่เป็นทางตันในการหาทางออกให้เรื่องนี้จบแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่เสียหน้า “บิ๊กป้อม” ไม่เสียชื่อเสียง

หากมีแค่นาฬิกาเรือนเดียว กับแหวนเพชรเพียง 1 วง การหาทางออกจากปัญหาอาจทำได้ง่ายกว่านี้

แต่เมื่อถูกขุดพบนาฬิกาหรูถึง 19 เรือน มูลค่ารวมกันกว่า 29,623,000 บาท ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะจบเรื่องนี้แบบไม่แคร์สังคมเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา

ล่าสุดทั้งฝ่ายที่ถูกมองว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทหาร คสช.และฝ่ายที่ให้การสนับสนุน ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของนาฬิกาทั้งหมดที่ปรากฏภาพอยู่บนข้อมือของ “บิ๊กป้อม” เพื่อให้เกิดความชัดเจน

ต้องตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครองนาฬิกาทั้งหมดว่ามีความเกี่ยวข้งหรือไม่เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “บิ๊กป้อม”

ต้องตรวจสอบด้วยว่านาฬิกาทั้งหมดมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่

“ไหนๆป.ป.ช.จะปิดคดีเหมือนไม่มีอะไรผิดปรกติไม่ได้แล้ว ก็จะขอเสนอป.ป.ช.เพื่อการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็คือ ให้ขอความร่วมมือจาก พล.อ ประวิตร ส่งนาฬิกาทุกเรือนตามที่ปรากฏในรูปภาพ และขอให้กรมศุลกากร ตรวจดูว่านาฬิกาเหล่านั้นมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของกันแน่ นาฬิกาหรูเหล่านี้ย่อมมี serial number ว่าใครเป็นผู้ซื้อมือแรก และเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่การตรวจสอบนี้ไม่น่าจะยากนัก เพราะนาฬิกาเริดหรูราคาแพงแบบนี้คงมีไม่กี่เรือนในประเทศไทย”

ข้อเสนอจาก น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)

“ผมขอให้ป.ป.ช.เชิญอธิบดีกรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลกับทางป.ป.ช. ว่าใครบ้างเป็นคนสั่งนาฬิกาเหล่านั้นเข้ามา เนื่องจากนาฬิกามีมูลค่าหลายล้านบาท การที่นำเข้าประเทศมาจะต้องผ่านกรมศุลกากร เพื่อจ่ายภาษีก่อน และอยากให้ตรวจสอบนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร​ ว่าได้เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่”

เป็นคำกล่าวหลังเข้าให้ข้อมูลต่อป.ป.ช.ของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

จากตรวจสอบความมีอยู่จริง ทำไมไม่แจ้งในบัญชีทรัพย์สิน ได้มาก่อนหรือหลังรับตำแหน่ง ลามไปถึงตรวจสอบที่มาที่ไปของนาฬิกา ตรวจสอบหาเจ้าของ ตรวจสอบหาผู้นำเข้า ตรวจสอบว่ามีการเลี่ยงภาษีถูกต้องหรือไม่

ประเด็นตรวจอสอบถูกขยายวงออกไปเรื่อยๆ ถ้าเคลียร์ได้ไม่ครบทุกประเด็น ป.ป.ช.เองอาจจะเดือดร้อนเพราะอาจถูกประชาชนเข้าชื่อกันใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 เพื่อขอให้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำหน้าที่ของป.ป.ช.ได้

เมื่อประเมินจากความเคลื่อนไหวแล้วทำให้เชื่อได้ว่ากรณีนี้สร้างความหนักใจต่อการทำหน้าที่ของป.ป.ช. และตัว “บิ๊กป้อม” ค่อนข้างมาก

“โอ๊ย!”

คือคำอุทานสั้นๆเพียงคำเดียว ที่ “บิ๊กป้อม” พูดกับสื่อมวลชนล่าสุดหลังถูกสอบถามเรื่องนี้ก่อนเดินหนีขึ้นรถออกไปจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา

ถึงคำว่า “โอ๊ย!” จะสั้นแต่ความหมายนั้น “ยาว” โดยเฉพาะเมื่อดูจากสีหน้าเจ้าของเสียง “โอ๊ย!”


You must be logged in to post a comment Login