วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นบีมุฮัมมัดท่ามกลางความขัดแย้ง / โดย บรรจง บินกาซัน

On January 15, 2018

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

ก่อนที่นบีมุฮัมมัดจะทำหน้าที่เป็นศาสนทูตนำสาสน์จากพระเจ้ามายังมนุษยชาติ หัวหน้าเผ่าชาวอาหรับในเมืองมักก๊ะฮฺได้ร่วมกันซ่อมแซมก๊ะอฺบ๊ะฮฺ จุดศูนย์กลางทางด้านศาสนาของชาวอาหรับซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เมื่องานซ่อมแซมอาคารใกล้เสร็จ เหลือการนำเอาหินดำไปติดตั้งตรงที่เดิมของอาคารก๊ะอฺบ๊ะฮฺ หัวหน้าเผ่าชาวอาหรับก็เกิดความขัดแย้งกันในเรื่องใครจะเป็นผู้ได้รับเกียรติเอาหินดำไปติดตั้งไว้ตรงที่เดิมของมัน

งานติดตั้งหินดำเป็นงานที่ชาวอาหรับถือว่ามีเกียรติ หัวหน้าเผ่าต่างๆจึงอยากได้รับเกียรตินี้และต่างเผ่าต่างไม่ยอมกัน จนถึงขั้นรวมตัวกันแบ่งข้างและพร้อมที่จะห้ำหั่นกันเพื่อให้ฝ่ายของตัวเองได้ทำหน้าที่อันมีเกียรตินี้

ในที่สุดผู้อาวุโสจากทั้งสองฝ่ายเห็นว่าถ้ายังไม่ยอมกัน ทั้งสองฝ่ายอาจต้องสูญเสียเลือดเนื้อ ซึ่งไม่เป็นผลดีแก่ฝ่ายใด จึงตกลงกันว่าถ้าใครเข้ามายังบริเวณนี้เป็นคนแรกในวันรุ่งขึ้นจะให้คนผู้นั้นเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้ติดตั้งหินดำ

เช้าวันรุ่งขึ้นมุฮัมมัดเป็นคนแรกที่เข้ามายังสถานที่แห่งนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงขอให้เขาตัดสินเรื่องนี้ หลังจากฟังความทั้งสองฝ่ายแล้วมุฮัมมัดได้ขอผ้าผืนหนึ่งมาปูลงบนพื้น หลังจากนั้นเขาได้เอาหินดำที่เป็นปัญหามาวางลงบนผ้าและเรียกหัวหน้าเผ่าต่างๆมาจับชายผ้าแล้วยกหินดำขึ้นพร้อมๆกัน หลังจากนั้นเขาได้เอาหินดำไปติดตั้งตรงที่เดิม ปัญหาความขัดแย้งจึงยุติลง และทุกเผ่าต่างได้รับเกียรติเท่าๆกัน

ปฏิภาณการแก้ปัญหาความขัดแย้งครั้งนั้นทำให้หัวหน้าเผ่าชาวอาหรับในเมืองมักก๊ะฮฺคาดหวังว่าในอนาคตมุฮัมมัดจะมีโอกาสได้เป็นหัวหน้าคนหนึ่งของชาวมักก๊ะฮฺ แต่เมื่อมุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งเป็นนบีของพระเจ้าเมื่ออายุ 40 ปี ผู้ที่ชื่นชอบเขาก็กลับกลายเป็นศัตรูราวีบีฑาเขาจนกระทั่งเขาและสาวกต้องอพยพไปยังเมืองยัษริบหรือเมืองมะดีนะฮฺในปัจจุบัน

ก่อนหน้านั้นยัษริบเป็นเมืองที่มีความขัดแย้งมายาวนานระหว่าง 2 เผ่าใหญ่ที่แย่งชิงตำแหน่งผู้ปกครอง และเป็นความขัดแย้งที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ในขณะเดียวกันชาวยิว 3 เผ่าที่อาศัยอยู่ในยัษริบก็มีความขัดแย้งกันเองด้วย เมื่อความขัดแย้งถึงขั้นใช้กำลัง เผ่ายิวจะขอความช่วยเหลือจากเผ่าอาหรับมาช่วยรบ ในทำนองเดียวกันเมื่อ 2 เผ่าอาหรับเกิดความขัดแย้งถึงขั้นต้องรบกัน ชาวอาหรับก็จะขอความช่วยเหลือจากเผ่ายิวมาช่วยพวกตน

ความขัดแย้งอันยาวนานของเผ่าอาหรับในเมืองยัษริบได้ยุติลง เมื่อคนจาก 2 เผ่าใหญ่ที่ขัดแย้งกันมาทำฮัจญ์ที่มักก๊ะฮฺและได้พบนบีมุฮัมมัด ด้วยความประทับใจในบุคลิกภาพและคำสอนของนบีมุฮัมมัด ทั้ง 2 ฝ่ายจึงตกลงเชิญนบีมุฮัมมัดไปเป็นผู้ปกครองพวกตนที่ยัษริบ หลังจากแน่ใจในความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเวลา 1 ปี นบีมุฮัมมัดจึงตอบรับข้อเสนอของชาวอาหรับ 2 เผ่าและได้อพยพไปยังที่นั่น

เมื่อท่านนบีมุฮัมมัดไปถึงเมืองยัษริบ ท่านรู้ดีว่าชาวอาหรับในมักก๊ะฮฺต้องไม่พอใจท่านและจะต้องส่งกองทัพมากำจัดท่านอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเรียกชาวเมืองยัษริบทั้งหมดที่ประกอบด้วยชาวอาหรับที่เป็นมุสลิมและมิใช่มุสลิมและชาวยิวเผ่าต่างๆมาร่วมกันทำสัญญาประชาคม

สัญญานี้เป็นเสมือนรัฐธรรมนูญขั้นต้นของรัฐ เนื้อหาของสัญญาระบุว่า 1.ยัษริบเป็นเมืองของทุกเผ่าที่อาศัยอยู่ ดังนั้น ทุกเผ่าต้องช่วยกันป้องกันเมื่อถูกรุกราน 2.ทุกเผ่าจะเชื่อฟังนบีมุฮัมมัดในฐานะผู้ปกครอง 3.ทุกคนในเมืองยัษริบมีสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาของตน 4.เมื่อเกิดกรณีพิพาทในหมู่ชาวยิว นบีมุฮัมมัดจะเป็นผู้ตัดสินตามคัมภีร์ของชาวยิว ถ้าเป็นกรณีของมุสลิมการตัดสินจะเป็นไปตามคำสอนของอิสลาม 5.หากเกิดการสู้รบกับศัตรูที่มารุกราน และคนในเผ่าใดได้รับบาดเจ็บล้มตายหรือถูกจับเป็นเชลย สมาชิกของแต่ละเผ่าจะต้องร่วมกันหาทางช่วยเหลือหรือบรรเทาความเดือดร้อน

ด้วยสัญญานี้เองที่ทำให้ยัษริบเริ่มเป็นปึกแผ่นมั่นคง และต่อมาได้กลายเป็นรัฐอิสลามแห่งแรกบนหน้าแผ่นดิน ยัษริบได้กลายเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสลามโดยมีชื่อใหม่ว่ามะดีนะฮฺ และจากเมืองนี้เองที่แสงทองแห่งอิสลามได้ส่องสว่างไปถึงส่วนต่างๆของโลก


You must be logged in to post a comment Login