วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เผาศพเผาทรัพย์ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On January 15, 2018

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

คงไม่มีใครคิดว่าเรื่องงานศพจะเป็นเหมือน “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เพราะพวงหรีดอย่างเดียว ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ บางครั้งมีกินเลี้ยงอะไรต่างๆอีก ทำให้บางงานต้องใช้เงินถึง 1-2 ล้านก็มี พวงหรีดแพงๆ 5,000-7,000 บาทก็มี

ใช้จ่ายกันมากขนาดนี้ ถามว่าได้ประโยชน์ไหม เป็นการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” หรือไม่ ยิ่งวันนี้หลายคนบอกว่าเศรษฐกิจเมืองไทยยังไม่ฟื้น แต่กลับสูญเสียเงินไปกับเรื่องเผาศพจนกลายเป็นเผาทรัพย์อย่างมโหฬาร รวมๆกันแล้วแต่ละปีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับงานศพน่าจะเป็นพันล้านหมื่นล้านบาท

ค่าใช้จ่ายในงานศพมากกว่าที่ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งเพื่อขอรับเงินบริจาคที่ได้พันกว่าล้านบาทมากมาย ส่วนพวงหรีดก็ไปนอนนิ่งเป็นขยะ แถมยังมีข่าวว่าในเขตกรุงเทพฯเทศกิจจะคิดค่าเก็บพวงหรีดพวงละ 7- 8 บาท

ถามว่าเรื่องงานศพเราจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้มั้ย คุณตูนวิ่งเพื่อให้รู้ถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายและสร้างทัศนคติการทำบุญ จากสร้างโบสถ์วิหารเจดีย์ก็มาสร้างเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นการทำบุญช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์อย่างชัดเจน ไม่ใช่ทำบุญเพื่อชาติหน้า ทำบุญฝากไว้ชาติหน้า แทนที่จะดูชาติปัจจุบันที่ยังมีชีวิตอยู่

งานศพสมัยก่อนเคยให้เป็นพัดลม เครื่องกีฬา หรือเสื้อผ้านักเรียน จะได้เอาไปให้เด็กยากจนต่อได้ คนตายก็ได้บุญ คนเป็นก็ได้ปัญญาและสนับสนุนการศึกษา ทำเป็นตู้เอาไว้ก็ได้ ใครมางานศพก็หยอดใส่ตู้ หรือจะใส่เงินเพื่อสนับสนุนการศึกษา การแพทย์ การเกษตร ฯลฯ ถ้าเมืองไทยเปลี่ยนจากร้านพวงหรีดมาเป็นร้านพวกนี้จะเป็นประโยชน์แค่ไหน เอามาแต่งรอบโลงศพสวยหมด

จะตั้งบริษัทกระจายบุญก็อาจเอาเงินไปซื้ออาหารสัตว์ช่วยสุนัขแมว คนตายแล้วยังทำบุญให้สัตว์ได้กิน ไม่ใช่ตายแล้วสัตว์ก็อดหรือตายไปด้วย เขาบอกว่า “งามอยู่ที่ซากผี ดีอยู่ที่ละได้” ถ้าเราเปลี่ยนจากพวงหรีดมาเป็นพัดลม เครื่องกีฬา คนก็อาจมาซื้อพัดลมจากวัดก็ได้ เงินก็จะหมุนเวียน เสร็จงานจะยกให้วัดก็ได้ พอมีคนมาขอมาซื้อวัดก็ให้ไปขายไป หมุนเวียนกันไป

ถ้าเมืองไทยเปลี่ยนพวงหรีดเป็นกองทุนอะไรสักอย่าง จะเป็นกองทุนดูแลผู้สูงวัย กองทุนน้ำ กองทุนสัมมาชีพ คนตายก็จะได้บุญ เพราะทำให้คนมีสัมมาชีพ มีชีวิตอยู่ได้ดีเมื่อคนตายไป ไม่ใช่คนตายขายคนเป็น เพราะคนเป็นต้องหาเงินมาจัดงาน อันนี้อยากให้สังคมไทยมีการสังคายนากันจริงๆจังๆ

เรื่องงานศพที่ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นประโยชน์ที่สุด แม้แต่การใช้เครื่องเสียงสวดแทนพระ หรือจะเป็นหุ่นพระสวด มันก็เปลี่ยนแปลงไป ของเราอาจนิมนต์พระสงฆ์ธรรมดานี่แหละ แต่ให้เปลี่ยนจากพวงหรีดเป็นสิ่งของที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป ทำบุญด้วยปัญญา ทั้งยังลดขยะลดมลภาวะ

ไม่ใช่กลัวจะน้อยหน้า เพราะพวงหรีดไม่ใหญ่ ไม่แพง ไม่โอ่อ่า ผู้มีปัญญาต้องทำให้คนตายได้บุญและสมศักดิ์ศรีสมกับคำว่าเป็นเมืองพระพุทธศาสนา เพราะพุทธบริษัทแปลว่าบริษัทของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถ้าทำกันแบบเดิมๆก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เสียดายเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ทำไมเราไม่เปลี่ยนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็หวังว่าเราจะได้คิดและทำให้งานศพไม่ใช่งานเผาทรัพย์ แต่เป็นงานศพที่ทำให้เกิดการสร้างสรรค์และพัฒนา เป็นประโยชน์กันถ้วนหน้า

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login