- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ต้องเปลี่ยนแปลง
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ปัญหาอันเนื่องมาจากนาฬิกาหรูบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลทหารคสช.มากกว่าที่คิด เพราะแม้แต่ในฝ่ายสนับสนุนก็ต้องการให้ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลง ซึ่งความต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมีหลายระดับทั้งแค่อยากเห็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และต้องการเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยที่ยังไม่ต้องมีเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ความต้องการของกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจ คนที่ถืออำนาจจะคิดเห็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สุดท้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนอย่างไร ผู้มีอำนาจเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ
กรณีนาฬิกาหรูไม่จบง่ายกลายเป็นหนังชีวิตเรื่องยาว เพราะยังมีคำถามมาออกมาอีกมากมายโดยเฉพาะข้อสงสัยที่ว่านาฬิกาเพื่อนไฉนใส่พอดีข้อมือทั้งสายหนังสายโลหะ
ในจำนวน 20 กว่าเรือนไม่รู้ว่าเป็นของเพื่อนกี่คนที่อนุเคราะห์ให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืมมาใส่เพิ่มความโก้
ไม่ว่าจะกี่คนหากเปิดตัวเป็นเจ้าของนาฬิกาอาจเดือดร้อนถูกตรวจสอบเรื่องเสียภาษีว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และอาจลุกลามไปถึงผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายด้วย
ถ้าใครจะรับป็นเจ้าของนาฬิกาต้องมั่นใจไม่มีจุดอ่อนให้เจาะ
ที่สำคัญสถานะทางการเงินต้องไม่เป็นช่องให้ตั้งคำถามว่าเป็นเจ้าของนาฬิการาคาแพงได้อย่างไร
ท่ามกลางฝุ่นนาฬิกาที่ยังตลบอบอวนอยู่ในตอนนี้มีแนวคิดบางอย่างที่น่าสนใจออกมาจากฟากฝั่งที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารคสช.
แนวคิดที่ว่าแบ่งออกได้เป็นสองส่วน
แน่นอนว่าทั้งสองส่วนผิดหวังต่อเรื่องนาฬิกาหรูและคำชี้แจงของ “บิ๊กป้อม” เพราะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบด้านลบโดยตรงต่อรัฐบาลทหารคสช.
ส่วนหนึ่งอยากเห็นผู้นำรัฐบาลรีบตัดไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ด้วยการขอให้คนที่เป็นปัญหาเสียสละ
ประมาณว่าถึงเวลาสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
แต่อีกส่วนหนึ่งกลับคิดไปไกลกว่านั้น
กล่าวคือหมดความศรัทธาต่อรัฐบาลทหารคสช.แล้ว ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต
อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงที่คนส่วนนี้ต้องการ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
พูดง่ายๆคือ คนส่วนหนึ่งต้องการเปลี่ยนรัฐบาล แต่ยังไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าการปฏิรูปตามแนวทางที่ฝ่ายตัวเองต้องการนั้นยังไม่สำเร็จ
หากปล่อยให้มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งความฝันที่จะปฏิรูปด้านต่างๆตามแนวคิดจะพังทลาย เพราะไม่มั่นใจว่าหลังเลือกตั้งกลุ่มก้อนที่มีความคิดอ่านไปในทางเดียวกันจะได้กลับสู่อำนาจ
แม้จะมีความหวังเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่มองว่าไม่ง่าย
ไม่ง่ายทั้งการเข้าดำรงตำแหน่ง ถึงจะชนะโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ง่ายในการทำงานเพื่อปฏิรูป
ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าการเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคจะทำให้นายกฯคนนอกทำงานอย่างมีข้อจำกัด ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องเอาใจฝ่ายการเมืองแลกกับการสนับสนุนในสภา
ที่สำคัญการเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นระบบการเมืองปรกติจะทำให้ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากพอที่จะชี้นิ้วทุบโต๊ะสั่งการอะไรได้
นอกจากนี้ยังต้องถูกฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบการใช้อำนาจทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเข้มข้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากในการทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย
จะเห็นได้ว่าเรื่องนาฬิกาส่งผลมากกว่าที่คิด เพราะกระทบไปถึงความเชื่อมั่นต่อฝ่ายเดียวกันด้วย
สรุปคือ ทั้งฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาลทหารคสช. ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาล แต่ระดับของความต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้นแตกต่างกันไป
มีทั้งต้องการแค่ให้ตัดคนที่เป็นปัญหาออก
มีทั้งต้องการให้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โดยหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์พิเศษนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ความต้องการของอีกฝ่ายไม่ต้องพูดถึงเพราะตั้งธงชัดเจนไว้ที่การเลือกตั้งตามโรดแม็พ
อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ความต้องการของกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจ คนที่ถืออำนาจจะคิดเห็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สุดท้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนอย่างไร ผู้มีอำนาจเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ
You must be logged in to post a comment Login