วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ต้องเปลี่ยนแปลง

On January 18, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ปัญหาอันเนื่องมาจากนาฬิกาหรูบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลทหารคสช.มากกว่าที่คิด เพราะแม้แต่ในฝ่ายสนับสนุนก็ต้องการให้ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลง ซึ่งความต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมีหลายระดับทั้งแค่อยากเห็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และต้องการเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยที่ยังไม่ต้องมีเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ความต้องการของกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจ คนที่ถืออำนาจจะคิดเห็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สุดท้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนอย่างไร ผู้มีอำนาจเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ

กรณีนาฬิกาหรูไม่จบง่ายกลายเป็นหนังชีวิตเรื่องยาว เพราะยังมีคำถามมาออกมาอีกมากมายโดยเฉพาะข้อสงสัยที่ว่านาฬิกาเพื่อนไฉนใส่พอดีข้อมือทั้งสายหนังสายโลหะ

ในจำนวน 20 กว่าเรือนไม่รู้ว่าเป็นของเพื่อนกี่คนที่อนุเคราะห์ให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืมมาใส่เพิ่มความโก้

ไม่ว่าจะกี่คนหากเปิดตัวเป็นเจ้าของนาฬิกาอาจเดือดร้อนถูกตรวจสอบเรื่องเสียภาษีว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และอาจลุกลามไปถึงผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่ายด้วย

ถ้าใครจะรับป็นเจ้าของนาฬิกาต้องมั่นใจไม่มีจุดอ่อนให้เจาะ

ที่สำคัญสถานะทางการเงินต้องไม่เป็นช่องให้ตั้งคำถามว่าเป็นเจ้าของนาฬิการาคาแพงได้อย่างไร

ท่ามกลางฝุ่นนาฬิกาที่ยังตลบอบอวนอยู่ในตอนนี้มีแนวคิดบางอย่างที่น่าสนใจออกมาจากฟากฝั่งที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารคสช.

แนวคิดที่ว่าแบ่งออกได้เป็นสองส่วน

แน่นอนว่าทั้งสองส่วนผิดหวังต่อเรื่องนาฬิกาหรูและคำชี้แจงของ “บิ๊กป้อม” เพราะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบด้านลบโดยตรงต่อรัฐบาลทหารคสช.

ส่วนหนึ่งอยากเห็นผู้นำรัฐบาลรีบตัดไฟไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ด้วยการขอให้คนที่เป็นปัญหาเสียสละ

ประมาณว่าถึงเวลาสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

แต่อีกส่วนหนึ่งกลับคิดไปไกลกว่านั้น

กล่าวคือหมดความศรัทธาต่อรัฐบาลทหารคสช.แล้ว ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงที่คนส่วนนี้ต้องการ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย

พูดง่ายๆคือ คนส่วนหนึ่งต้องการเปลี่ยนรัฐบาล แต่ยังไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าการปฏิรูปตามแนวทางที่ฝ่ายตัวเองต้องการนั้นยังไม่สำเร็จ

หากปล่อยให้มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งความฝันที่จะปฏิรูปด้านต่างๆตามแนวคิดจะพังทลาย เพราะไม่มั่นใจว่าหลังเลือกตั้งกลุ่มก้อนที่มีความคิดอ่านไปในทางเดียวกันจะได้กลับสู่อำนาจ

แม้จะมีความหวังเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่มองว่าไม่ง่าย

ไม่ง่ายทั้งการเข้าดำรงตำแหน่ง ถึงจะชนะโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ง่ายในการทำงานเพื่อปฏิรูป

ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าการเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคจะทำให้นายกฯคนนอกทำงานอย่างมีข้อจำกัด ทำอะไรได้ไม่เต็มที่ เพราะต้องเอาใจฝ่ายการเมืองแลกกับการสนับสนุนในสภา

ที่สำคัญการเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นระบบการเมืองปรกติจะทำให้ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากพอที่จะชี้นิ้วทุบโต๊ะสั่งการอะไรได้

นอกจากนี้ยังต้องถูกฝ่ายตรงข้ามตรวจสอบการใช้อำนาจทั้งในสภาและนอกสภาอย่างเข้มข้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากในการทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย

จะเห็นได้ว่าเรื่องนาฬิกาส่งผลมากกว่าที่คิด เพราะกระทบไปถึงความเชื่อมั่นต่อฝ่ายเดียวกันด้วย

สรุปคือ ทั้งฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุนรัฐบาลทหารคสช. ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาล แต่ระดับของความต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงนั้นแตกต่างกันไป

มีทั้งต้องการแค่ให้ตัดคนที่เป็นปัญหาออก

มีทั้งต้องการให้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โดยหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์พิเศษนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ความต้องการของอีกฝ่ายไม่ต้องพูดถึงเพราะตั้งธงชัดเจนไว้ที่การเลือกตั้งตามโรดแม็พ

อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่ความต้องการของกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจ คนที่ถืออำนาจจะคิดเห็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สุดท้ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนอย่างไร ผู้มีอำนาจเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ


You must be logged in to post a comment Login