วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

รู้สถานะตัวเอง

On January 19, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ประเด็นร้อนการเมืองที่แทรกเข้ามาใหม่คือความพยายามยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.ออกไปอีก 90 วันหลังประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ด้วยเหตุผลข้ออ้างขยายเวลาให้พรรคการเมืองเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง หากปรับแก้จริงกำหนดเลือกตั้งจะถูกยืดไปเป็นไตรมาสแรกปี 2562 อีกประเด็นที่น่าสนใจคือกรณี “บิ๊กตู่” แจกเอกสารแนวทางทำงานให้รัฐมนตรีรับไปดำเนินการ โดยมีหัวข้อหนึ่งคือ ต้องชวนคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 ปี ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งและคนไม่ชอบการเมืองให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด น่าสนใจว่าการปลุกพลังเงียบมีนัยอะไรหรือไม่

เรื่องนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะจบเมื่อไหร่ จบอย่างไร ไม่รู้ แต่กรณีที่เกิดขึ้นกำลังช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ในการป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์

ขณะนี้มีข้อเรียกร้องที่ถูกเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ปรับแก้กฎระเบียบเกี่ยวกับการให้หรือรับของขวัญของกำนัลที่กำหนดไว้ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท โดยต้องการให้ป.ป.ช.ยกเลิกข้อกำหนดนี้ คือไม่ต้องรับ ไม่ต้องให้ ไม่ว่าจะกี่บาทกี่สตางค์เพื่อปิดช่องเรียกรับผลประโยชน์

ข้อเสนอถูกส่งถึงมือป.ป.ช.ยังต้องการให้ออกกฎห้ามหยิบยืมทรัพย์สินของผู้อื่นมาใช้เพื่อแสดงฐานะอีกด้วย

นับเป็นข้อเสนอพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งต้องรอดูท่าทีของป.ป.ช.ว่าจะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องนี้อย่างไร

ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาของ “บิ๊กป้อม” อยู่ในขั้นตอนที่ป.ป.ช.เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล กว่าจะสรุปเรื่องได้คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ

นอกจากเรื่องนาฬิกาที่ต้องติดตามกันต่อไปแล้ว อีกเรื่องที่น่าติดตามไม่แพ้กันคือความพยายามยื้อกำหนดเลือกตั้งออกไป

หลังจากสำนักข่าวอิศราออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะปรับแก้ไขร่างพ.ร.ป.ให้ยืดเวลาการบังคับใช้กฎหมายนี้ออกไปเป็น 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากเดิมที่ให้มีผลบังคับใช้ในทันที

หากมีการปรับแก้จริงเท่ากับว่าโรดแม็พเลือกตั้งจะถูกขยับออกไปจากเดิมอีกอย่างน้อย 90 วัน

หลังข่าวนี้หลุดออกมากรรมาธิการหลายคนออกมาชี้แจงแบบไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ

แต่จับใจความได้ว่ามีความพยายามที่จะยืดเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.ออกไปจริง โดยยกข้ออ้างว่าเพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดให้ต้องทำไพรมารีโหวต

พูดเหมือนกับว่าเป็นความหวังดีที่ต้องการช่วยแก้ปัญหาให้พรรคการเมืองที่ถูกคำสั่งหัวหน้าคสช.

ดองเค็มยังไม่ให้ทำกิจกรรมใดๆในช่วงนี้ จึงเกรงว่าพรรคการเมืองจะทำตามเงื่อนไขต่างๆที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้หลายอย่างไม่ทันตามกรอบเวลา ทำให้ไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

ส่วนจะมีการแก้ร่างกฎหมายส.ส.จริงหรือไม่ต้องรอดูการประชุมนัดสุดท้ายของคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวที่จะมีขึ้นในวันนี้ (19 ม.ค.) หากมีการปรับแก้จริงกำหนดเลือกตั้งจะถูกเลื่อนไปเป็นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ทำให้กำหนดการเลือกตั้งเพื่อคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยยังไม่นิ่ง

อย่างไรก็ตามเมื่อประเมินจากท่าทีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ขยันลงพื้นที่พบปะประชาชนในต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมกับมีสื่อหลายสำนักงานรายการข่าวตรงกันว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” แจกเอกสารที่เขียนด้วยลายมือบนหน้ากระดาษเอ 4 จำนวน 12 หน้า

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ ต้องชวนคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 ปี ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งและคนไม่ชอบการเมืองต้องออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด ซึ่งน่าจะทำให้เชื่อได้อย่างหนึ่งว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่

แต่ที่ต้องตีความคือ การให้ชักชวนคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18 ปี ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งและคนไม่ชอบการเมืองต้องออกมาเลือกตั้งให้มากที่สุด มีนัยอะไรหรือไม่

หากมองในมุมการเมืองคนกลุ่มนี้มักถูกเรียกว่าเป็นพลังเงียบที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง สร้างความพลิกผันต่อผลการเลือกตั้งได้

ในอดีตที่ผ่านมาเวลาที่ได้ยินนักการเมืองพูดถึงพลังเงียบ หวังการเปลี่ยนแปลงจากพลังเงียบ หมายความว่าตัวเองหรือฝ่ายตัวเองตกอยู่ในสถานะเป็นรอง

นี่น่าจะสะท้อนได้อย่างหนึ่งว่า “บิ๊กตู่” กำลังคิดอะไรอยู่


You must be logged in to post a comment Login