วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ชัดเจนพอไหม?

On January 24, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

เรื่องนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม” จะมีอะไรชัดเจนมากกว่านี้เมื่อเจ้าตัวยืนยันไม่รู้สึกกดดันที่สื่อต่างชาติพากันประโคมข่าว และไม่เห็นว่ามีผลอะไรกับภาพลักษณ์ ขณะที่ “บิ๊กตู่” ย้ำชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช้ ม.44 ให้ออกจากตำแหน่งและไม่มีการขอลาออก ให้รอผลสอบจากป.ป.ช.เท่านั้น ส่วนการเลื่อนบังคับใช้พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ส่อเค้าว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายขึ้นมาถกกันอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาพิจารณานาน 1 เดือน นั่นเท่ากับว่ายังไม่ได้ข้อสรุปก็ยืดบังคับใช้ออกไปแล้ว 1 เดือนโดยอัตโนมัติ

สถานการณ์การเมืองเกี่ยวกับสองประเด็นใหญ่ที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุดมีความชัดเจนแล้วทั้งสองกรณี

เรื่องนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กระแสข่าวไหลไปไกลถึงขนาดที่ว่าจะแสดงสปิริตลาออกเพราะทนต่อแรงกดดันไม่ไหว

แต่ล่าสุดทั้งท่าทีของ “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอกย้ำชัดเจนว่าไม่มีถอดใจลาออก หรือถูกยื่นซองขาวให้ออกเพื่อรอการตรวจสอบ

“ที่สื่อนอกเสนอข่าวก็เพราะสื่อไทยเสนอกันออกไป แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร และไม่มีอะไรกระทบภาพลักษณ์หรอก…พรุ่งนี้จะไม่ให้ถามแล้ว”

เป็นคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ “บิ๊กป้อม” ที่ตอบคำถามสื่อประจำทำเนียบรัฐบาล

“ขอให้ฟังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้แยกแยะให้ออกว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของพล.อ.ประวิตร เรื่องเหล่านี้ก็มีขั้นตอนและกระบวนการสอบสวนว่าได้มาอย่างไร ได้มาจากไหน หลายคนไปกล่าวอ้างว่ามาจากการทุจริตที่ไหน อย่างไร ก็ต้องมีการสอบสวนกันต่อ เพราะฉะนั้นต้องรอข้อยุติให้ได้ก่อน…อยากทำความเข้าใจที่หลายท่านอยากให้ผมใช้คำสั่งมาตรา 44 ก็ต้องอธิบายว่าที่ผ่านมาผมใช้ในเรื่องของการลงโทษ และที่ทำก็เพราะมีหน่วยงานเสนอขึ้นมา เช่น ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแจ้งขึ้นมาว่ามีการสอบสวนแล้วและมีผลออกมาเช่นนี้เห็นควรให้เอาออกก่อนผมจึงใช้มาตรา 44 ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะไปใช้กับใครก็ได้ ผมก็ต้องระวังตัวเองเช่นกัน กรณีนี้ก็เช่นกันก็ต้องรอฟัง ป.ป.ช.จะเสนอเรื่องขึ้นมา”

เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กตู่” ที่ตอบคำถามสื่อประจำทำเนียบรัฐบาล

สรุปเรื่องนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” คงไม่มีอะไรชัดเจนไปมากกว่านี้อีกแล้ว

อีกเรื่องคือการเลื่อนโรดแม็พเลือกตั้งที่มีความชัดเจนอีกเช่นกันว่าเลื่อนแน่ ที่ยังไม่ชัดมีเพียงประเด็นเดียวคือจะเลื่อนออกไปจากโรดแม็พเดิมกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี เท่านั้น

“เรื่องการทำกฎหมายลูกเป็นหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยังมีอีกหลายขั้นตอน โดยเฉพาะจะต้องตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายมาพิจารณาร่วมกัน สรุปแล้วถึงอย่างไร ก็ต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน แต่จะเลือกตั้งเมื่อไร ประการใด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราต้องทำให้สภาเข้มแข็ง ต้องเชื่อมั่น เพราะที่ผ่านมาเราไม่ค่อยเชื่อมั่นในระบบสภาและรัฐสภามากนัก วันนี้ผมต้องทำเป็นตัวอย่าง ผมเชื่อมั่นใน สนช. ใน กรธ. ผมไม่ไปก้าวล่วง”

เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กตู่”

หลังถูกสื่อประจำทำเนียบถามถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายให้มีผลบังคับหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 90 วัน จากเดิมที่กำหนดให้บังคับใช้ทันที

สรุป “บิ๊กตู่” ลอยตัวอ้างแบ่งหน้าที่กันทำแล้วไม่ก้าวก่าย ไม่แทรกแซง

ทั้งนี้การเลื่อนบังคับใช้พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ออกไปอีก 90 วันหลังประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ไม่ได้เป็นชอยส์เดียวที่ สนช.จะลงมติชี้ขาดกันในวันที่ 25 มกราคมนี้ แต่ยังมีชอยส์ให้เลื่อนไปอีก 120 วันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกด้วย โดยยกข้ออ้างว่าระยะเวลา 90 วันไม่เพียงพอให้พรรคการเมืองเตรียมความพร้อม

อย่างไรก็ตามเมื่อฟังความเห็นจากผู้มีอำนาจทั้งหลายแล้วมองเห็นแนวโน้มว่าวันที่ 25 มกราคมนี้อาจไม่ได้คำตอบสุดท้าย คงมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ระหว่าง สนช. กรธ.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ขึ้นมาพิจารณากันอีกครั้งว่าจะให้พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ทันทีหลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษา หรือจะให้เลื่อนเวลาออกไปกี่วัน ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาพิจารณานาน 1 เดือน

นั่นเท่ากับว่ายังไม่ได้ข้อสรุปก็ยืดบังคับใช้ออกไปแล้ว 1 เดือนโดยอัตโนมัติ


You must be logged in to post a comment Login