วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เคลียร์ทีละปม

On January 25, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

คืบหน้าไปอีกขั้นกับการสอบนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” ป.ป.ช.เหลือสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องอีกเพียงปากเดียวกับรอข้อมูลจาก 13 บริษัทตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาหรูในไทย หากไม่มีอะไรติดขัดจะสรุปผลสอบได้ภายในเดือนแห่งความรักกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามป.ป.ช.ยืนยันหนักแน่นในหลักการที่ว่าหากเป็นของยืมมาใช้ไม่จำเป็นต้องแสดงในรายการบัญชีทรัพย์สินและไม่เข้าข่ายผิดกฎห้ามรับของเกิน 3,000 บาทเพราะไม่ได้เป็นการให้ ทั้งนี้ป.ป.ช.ต้องไม่ลืมว่าตามข้อร้องเรียนที่มีคนไปยื่นให้สอบ ไม่ได้มีแค่เรื่องนาฬิกาหรูเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องแหวนเพชร รถยนต์ที่แจ้งว่ามีอยู่ในครอบครองเพียงคันเดียวแถมเป็นรถที่มีราคาไม่แพงสำคัญที่สุดยังมีข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงอย่าง “ร่ำรวยผิดปรกติ” รวมอยู่ด้วย คงต้องเคลียร์กันไปทีละปม

ความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากถ้อยแถลงของ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาสรุปความได้ว่า

1.ยังระบุไม่ได้ว่า “บิ๊กป้อม” มีนาฬิกาหรู 25 เรือนตามที่ปรากฏเป็นข่าวหรือไม่ เพราะตามภาพที่นำเสนอกันบางเรือนเห็นแค่สายนาฬิกา แต่ไปสรุปเอาเองว่าเป็นรุ่นอะไร ราคาเท่าไหร่ บางเรือนก็เป็นภาพนาฬิกาซ้ำกัน ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบเพื่อความชัดเจนว่า “บิ๊กป้อม” มีนาฬิกาหรู 25 เรือนจริงหรือไม่ และได้นาฬิกานั้นมาอย่างไร

2.ป.ป.ช.สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องครบแล้ว เหลืออีกเพียง 1 ปากที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งป.ป.ช.นัดหมายเข้าพูดคุยในสัปดาห์หน้า

3.ป.ป.ช.ประสานขอข้อมูลจากบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาที่ปรากฏภาพข่าว 13 แห่งเพื่อขอข้อมูล

4.พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจจา ประธาน ป.ป.ช. ได้ประกาศในที่ประชุม ป.ป.ช.ว่าจะขอถอนตัวไม่ร่วมพิจารณาในคดีนี้ เนื่องจากสังคมเคลือบแคลงในความสัมพันธ์กับ “บิ๊กป้อม”

5.หากทุกอย่างดำเนินได้ตามแผนเร็วสุดจะสามารถสรุปผลสอบได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

6.หากนาฬิกาทุกเรือนไม่ใช่ของ “บิ๊กป้อม” ก็ไม่จะเป็นต้องแสดงในรายการบัญชีทรัพย์สิน เพราะตามหลักการและกฎหมายให้แสดงรายการเฉพาะทรัพย์สินของตัวเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเท่านั้น

7.หากเป็นนาฬิกาของ “บิ๊กป้อม” ก็ต้องดูว่าได้มาครอบครองเมื่อไหร่ เนื่องจากกฎหมายให้แสดงรายการในบัญชีทรัพย์สินเฉพาะทรัพย์สินที่อยู่ในครอบครองก่อนรับตำแหน่ง และหลังพ้นจากตำแหน่ง

8.หากเป็นนาฬิกาที่ยืมมาใส่ทั้งหมดจะเข้าข่ายปิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 103 กรณีให้หรือรับผลประโยชน์อื่นใดที่มีมูลเกินกว่า 3,000 บาทหรือไม่นั้น ยังสรุปไม่ได้ในตอนนี้ ยืนยันว่าป.ป.ช.จะพิจารณาอย่างรอบด้าน

9.ป.ป.ช.ไม่กังวลว่าผลสอบเรื่องนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้อื่นใช้กล่าวอ้างในอนาคตเมื่อตรวจพบทรัพย์สินที่ไม่แจ้งในบัญชีแล้วอ้างว่ายืนคนอื่นมา เพราะต้องดูที่ข้อเท็จจริงว่ายืมมาหรือเป็นเจ้าของเอง

สรุปสาระสำคัญที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ตัวโตๆ คือ หากเป็นของยืมคนอื่นมาใช้ไม่ต้องแจ้งในบัญชีทรัพย์สิน และ “บิ๊กป้อม” ไม่มีนาฬิกาถึง 25 เรือนตามที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนกรณีความผิดรับของมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ถ้าเป็นของยืมมาใช้ฟันธงได้เลยว่าไม่ผิด เพราะไม่ได้ให้แค่ให้ยืม เมื่อคืนก็จบ

หากจำกันได้ก่อนหน้านี้มีหลายกรณีที่ผู้มีอำนาจหลายคนรับหรือให้ของที่มูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท แต่พอถูกท้วงติงแล้วคืนของก็ไม่เป็นความผิด อย่างกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนรับมอบงาช้างเป็นของขวัญ คืนของแล้วไม่ผิด จะนับประสาอะไรกับของที่ยืมมาใช้เมื่อคืนแล้วจะผิดได้อย่างไร ถึงยังไม่คืนก็คงไม่ผิดเพราะถือว่าไม่ได้ให้แค่ยืม

ทั้งหมดคือความคืบหน้าในการทำหน้าที่ตรวจสอบของ ป.ป.ช. ส่วนสุดท้ายจะสรุปว่ามีมูลความผิดไม่มีมูลความผิดอย่างไร คงต้องรอผลสอบอย่างเป็นทางการที่จะออกมาในเดือนหน้า

อย่างไรก็ตามป.ป.ช.ต้องไม่ลืมว่าตามข้อร้องเรียนที่มีคนไปยื่นให้สอบ “บิ๊กป้อม” ไม่ได้มีแค่เรื่องนาฬิกาหรูเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องแหวนเพชร รถยนต์ที่แจ้งว่ามีอยู่ในครอบครองเพียงคันเดียวแถมเป็นรถที่มีราคาไม่แพง

สำคัญที่สุดเลยยังมีข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงอย่าง “ร่ำรวยผิดปรกติ” รวมอยู่ด้วย

เคลียร์กันไปทีละปม


You must be logged in to post a comment Login