วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

มีควันย่อมมีไฟ

On January 30, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

แม้ “บิ๊กตู่” จะปฏิเสธไม่เคยสัญญาต้องเลือกตั้งเมื่อไหร่ และไม่เคยแทรกแซง “นิด้าโพลล์” แต่หลายความเห็น หลายบทวิเคราะห์ หลายข้อมูล หลายความเคลื่อนไหวจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อันเกี่ยวเนื่องกับการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทุกอย่างล้วนเป็นเหมือนฟืนที่ต่างช่วยกันโยนสุมกอง รอคนมาจุดไฟ ส่วนจุดแล้วจะจบเร็วใน 15 วัน หรือจะยืดเยื้อเสียหายรุนแรงกว่าที่คาด อยู่ที่กองหนุนของแต่ละฝ่ายเป็นสำคัญ ซึ่งหากพิจารณาจากคำเตือนของผู้อาวุโสที่ว่า “ตู่ใช้กองหนุนเกือบจะหมดแล้ว” ยิ่งน่าเป็นห่วง

เริ่มวันแรกของสัปดาห์ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ก็แสดงความไม่พอใจที่ถูกซักว่า คสช.ไปกดดัน “นิด้าโพลล์” กรณีนาฬิกา”บิ๊กป้อม” ทั้งยืนยันเรื่องการลือกตั้งว่า “ไม่เคยสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งวันใด แต่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นไปตามโรดแม็พ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการประกาศลาออกของ นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล

ที่ให้เหตุผล เสรีภาพทางวิชาการและการให้เกียรติกันเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะสนับสนุนรัฐประหารและสนับสนุนรัฐบาล แต่ถ้าสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องเลีย top boot

ที่มาของเรื่องถูกชี้ไปที่การทำโพลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่องนาฬิกาหรูถูกผู้บริหารสถาบันระงับการเผยแพร่

ไม่ว่าจะเป็นผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ที่พบว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม 48.27% อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย  26.07% เห็นว่าการเลื่อนเลือกตั้งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เป็นการสืบทอดอำนาจ 27.81% ยอมรับได้ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งแล้วส่งผลดี ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

แม้ในผลสำรวจเดียวกันจะมีความย้อนแย้งอยู่บ้างตรงที่ 39.97% รู้สึกเฉยๆกับการเลื่อนเลือกตั้ง เพราะเห็นว่ารัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองได้ดี บ้านเมืองสงบ แต่ก็เป็นความรู้สึกจากพื้นฐานที่เชื่อว่าไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องมีการเลือกตั้ง

ไม่ว่าจะเป็นกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 213 คน ที่ร่วมกันลงมติให้เลื่อนบังคับใช้ร่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส.ออกไปอีก 90 วัน หลังประกาศใช้ราชกิจจานุเบกษา ส่งผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมฐานเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่าการที่มีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ท่านหนึ่ง ระบุร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีปัญหา เพราะสนช. ไปแก้ไขหลักการ เช่น ประเด็นการเลือกไขว้ รวมถึงการลดจำนวนกลุ่มการเลือกกันเองจาก 20 กลุ่ม ให้เหลือ 10 กลุ่ม จนน่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมหรือไม่ และน่าจะเป็นจริงตามนั้น ซึ่งมีผลให้การพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ลาช้าออกไป

ที่สำคัญหากถ้ามติของคณะกรรมาธิการร่วมฯ ไม่สอดคล้องกับมติของ สนช. ก็เป็นช่องให้ สนช.อาจคว่ำ พ.ร.ป.ส.ว.ได้ เท่ากับว่าการเลือกตั้งจะถูกยืดออกไปอีกเพราะต้องยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ใหม่

ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เฟซบุ๊คของ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)

ที่ยืนยันไม่ได้เป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี แต่เป็นคนยึดมั่นในอุดมการณ์ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสกรณีเกาะติดเรื่องนาฬิกาหรู พร้อมถามหาจุดยืนกับคนที่เคยร่วมกันตรวจสอบทุกจริตให้ทำอย่างเสมอภาคกับทุกรัฐบาล และประกาศไม่รังเกียจที่ร่วมทำงานตรวจสอบกับคนที่เคยยืนอยู่คนละข้าง

ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่พูดจาในทำนองว่าจะอะไรกันนักหนากับการเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก 90 วัน เพราะไม่ได้ส่งผลอะไร ไม่ได้สืบทอดอำนาจ ไม่สามารถลบล้างมติ สนช.ได้

ไม่ว่าจะเป็นการนัดรวมตัวกันทุกวันเสาร์ของกลุ่มประชาชนที่ต้องการให้มีเลือกตั้งตามกำหนดภายในปีนี้

ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ของ นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ที่ออกมาเตือนว่าการชุมนุมป่วนเมืองอาจลุกลามขยายตัว พร้อมชี้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือผู้บงการเดียวกันกับม็อบป่วนฮ่องกง มีศูนย์บัญชาการอยู่แถวหลังสวน การรับมือม็อบอยู่ที่กองหนุน ในอดีตรัฐบาลทหารจะรับมือม็อบได้ไม่เกิน 15 วัน น่าสนใจว่าครั้งนี้จะรับมือได้กี่วัน

ไม่ว่าจะเป็นอีกหลายความเห็น หลายบทวิเคราะห์ หลายข้อมูล หลายความเคลื่อนไหว อันเกี่ยวเนื่องกับการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ทุกอย่างล้วนเป็นเชื้อไฟที่รอการเผาไหม้

ส่วนจะไหม้มือใครยังต้องติดตามต่อไป และจะจบเร็วในระยะเวลา 15 วัน หรือจะยือเยื้อเสียหายรุนแรงกว่าที่คาด อยู่ที่กองหนุนของแต่ละฝ่ายเป็นสำคัญ ซึ่งหากพิจารณาจากคำเตือนของผู้อาวุโสที่ว่า “ตู่ใช้กองหนุนเกือบจะหมดแล้ว” ยิ่งน่าเป็นห่วง


You must be logged in to post a comment Login