วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บทเรียนม็อบ / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On February 5, 2018

คอลัมน์ : พระพยอมวันนี้

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

หลวงปู่พุทธะอิสระโพสต์ว่า ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจที่ตกเป็นผู้ต้องหากบฏแผ่นดิน แต่กลับภูมิใจที่ได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ซึ่งบางคน บางกลุ่ม บางสี บางพวก ตอนขึ้นเวทีลิงโลด แต่พอขึ้นศาลหน้าจ๋อย แต่หลวงปู่พุทธะอิสระขึ้นศาลยิ้มได้ แสดงว่าเป็นนักสู้ที่แท้จริง

หลวงพ่อพุทธทาสเคยกล่าวไว้ว่า “รบกันไปพลาง คว้านิพพานไปพลาง” คือจะสู้กับใครก็แล้วแต่ เราคิดว่าเขาผิด เขาโกงบ้านกินเมือง แล้วเราเป็นฝ่ายกระทำเขา เราจะกู้บ้านกู้เมืองว่างั้นเถอะ จึงต่อสู้กันทางความคิด ต่างขั้วต่างสี นกหวีดบ้าง มือตบเท้าตบบ้างก็แล้วแต่ สู้กันพัลวัน แต่ไม่มีใครแสดงอาการแบบหลวงปู่พุทธะอิสระที่สู้แบบไม่มีคำว่าทุกข์ ไม่ตรอมใจ ถือว่าสุดยอด

เหมือนที่อาตมาเคยบอกเรื่องสู้คดีโฉนดถุงกล้วยแขกเหมือนกัน บอกเจ้าของที่ดินเลยว่า เราสู้กันแบบไม่ตกนรกไปพลาง แต่เราต้องสู้กันไปพลาง คว้านิพพานไปพลาง เพื่อให้เกิดความสุขความสบายใจแก่ชีวิตเรา รู้อะไรถูกอะไรผิด กฎหมายมันป่วยมานานแล้ว ถ้าสู้กันแบบนี้จะได้รู้ว่าเป็นยังไง

ก็ต้องถือว่าหลวงปู่พุทธะอิสระแสดงธาตุแท้นักสู้ ไม่หดหู่ท้อแท้น้ำตาไหล เดินคอตกลงจากศาล บางคนขึ้นเวทีผงาด ขึ้นศาลหน้าจ๋อย อย่างนี้ถือว่าไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีนักสู้ ถ้าสู้แล้วไม่ทุกข์ สุขได้ ภูมิใจได้ ศาลตัดสินอย่างไรก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่งอแง ไม่ยอมโน่นไม่ยอมนี่ ถ้าสู้กันด้วยกฎหมาย สู้ได้ก็สู้ไป สู้ไม่ได้ก็ต้องยอมรับ เมื่อศาลตัดสินแล้วไม่ควรดื้อด้านดันทุรัง

กฎหมายให้ช่องไว้ต่อสู้ เหมือนอย่างยายสม ยายไฮ คุณรัตนา สัจจเทพ ที่สู้แล้วได้รับการเยียวยา แทนที่จะทุกข์ทรมาน ถ้าสู้กันด้วยมือสะอาดมันก็ดี แต่ถ้ามือสกปรก สร้างความเท็จเพื่อเอาชนะอย่างเดียว หลอกล่อให้ใครต่อใครหลงเชื่อ ถ้าสู้ตามตัวบทกฎหมาย แพ้ก็แพ้อย่างใสสะอาด จะอุทธรณ์ฎีกาก็ว่ากันไป ไม่สู้ครึ่งๆกลางๆไม่สุดซอย

อาตมาคิดว่าเรื่องคดีแบบนี้ยังมีข้อเท็จจริงให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์กันได้ ใครถูก ใครผิด ความเสียหายมันเกิดขึ้นแน่นอน ไปยึดสนามบิน ยึดกระทรวงต่างๆ ทำให้ราชการทำงานไม่ได้ ถ้าไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอะไรเลย ทำเป็นเพิกเฉย อีกฝ่ายก็จะหาว่าลำเอียง กระบวนการยุติธรรมลำเอียง เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องรักษาความเป็นธรรม เมื่อจัดการกับฝ่ายนี้ก็ต้องจัดการกับอีกฝ่ายเช่นกันเมื่อทำคล้ายๆกัน ปลุกระดมม็อบ ขึ้นเวทีปราศรัย ยึดนั่นยึดนี่ ทุกสีต่างก็ทำคล้ายๆกัน ไม่แตกต่างกันนัก ทำให้การจราจรติดขัด ระบบราชการไม่สามารถปฏิบัติงานได้ราบรื่น รัฐบาลก็เป็นเหมือนเป็ดง่อย

อาตมาเชื่อว่าครั้งนี้ม็อบต่างๆไม่ว่าสีอะไรคงได้ข้อคิด ได้บทเรียน ต่อไปจะประท้วงขับไล่ใครก็ต้องมีวิธีการที่แยบยลมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นช่องว่างที่กฎหมายจะเล่นงานได้ ต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย จะจัดม็อบก็ต้องทำให้ดี  เพราะแต่ละม็อบมักมีปัญหาเรื่องเดียวคือพวกหัวรุนแรง ชอบทำอะไรรุนแรงจนเสียรูปเสียรอยเสียหลักการที่บอกว่าจะทำด้วยความสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ แต่กลับมีความรุนแรงทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร

ต้องมีการจัดการที่ดี มีคนใจเย็น มีอหิงสาแบบลึกซึ้งจริงๆ ผู้นำหรือแกนนำต้องคุมให้อยู่ ถ้าคุมไม่อยู่ก็ต้องมีคดีกันไป แต่ถ้าคิดว่าทำความดีก็ขอให้ความดีคุ้มครองก็แล้วกัน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login