- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
คลื่นลูกเล็ก

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
กลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันเรียกร้องเลือกตั้งแม้จะปรากฏชื่อของนายวีระ สมความคิด แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนหรือมวลชนในฟากฝั่งของนายวีระจะเห็นพ้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง กรณีนี้สะท้อนได้ว่าการเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมในฝั่งที่เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ว่าจะทำในนามกลุ่มใด ความรู้สึกร่วมยังคงมีแต่เฉพาะในกลุ่มคนที่คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่อาจข้ามแดนไปหากลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองได้ การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ เต็มที่ก็แค่ทำให้เรือแป๊ะของคสช. โคลงเคลงบ้าง ยังไม่ใช่คลื่นลูกใหญ่ที่จะมาพลิกคว่ำเรือแป๊ะได้
การเข้ามอบตัวของกลุ่มเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งหรือ MBK 39 ที่ถูกพนักงานสอบสวนจัดหนัก
แจ้งข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งห้ามการชุมนุมในรัศมี 150 เมตรจากวังของพระบรมวงศ์ (วังสระปทุม) และละเมิดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ที่ห้ามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
ในจำนวนนี้มี 9 คนที่ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา
รายชื่อผู้ที่ถูกดำเนินคดีแม้จะปรากฎชื่อของ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ที่ดูเหมือนจะไม่เข้าพวกกับกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นซึ่งมีชื่อของ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นายสิรวิชญ์ เสรีธีวัฒน์ หรือ จ่านิว นายรังสิมันต์ โรม
แต่ไม่มีนัยสำคัญทางการเมือง
แม้นายวีระ จะไปปรากฎตัวยังสถานที่ชุมนุมที่สกายวอล์ค สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนหรือมวลชนในฝากฝั่งของนายวีระจะเห็นพ้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง
คงมีเพียงแต่นายวีระ ที่ต้องการแสดงจุดยืนในหลักการที่ว่าต้องตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ตรวจสอบการทุจริตของทุกรัฐบาลอย่างเท่าเทียม
ไม่จ้องตรวจสอบเฉพาะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายการเมืองตรงกันข้าม
ที่สำคัญนายวีระ ยืนยันว่าการไปปรากฏตัวในวันนั้นไม่ได้ไปร่วมชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้ง แต่ไปอยู่ในจุดดังกล่าว เพราะ พบคนรู้จักโดยบังเอิญ และมีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์ ซึ่งการสัมภาษณ์ไม่ใช่การปลุกระดม ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และในวันเวลาดังกล่าวไม่ได้ขึ้นปราศรัยตามที่ถูกกล่าวหา
นายวีระซึ่งแสดงบทบาทสำคัญในการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังรักษาระยะห่างกับกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองที่มองว่าเป็นคนละฝั่งกัน
หากติดตามเฟซบุ๊กของนายวีระ ก็จะเห็นว่าถูกมวลชนฝ่ายเดียวกันต่อว่าอย่างสาดเสียเทเสียกับการเคลื่อนไหวตรวจสอบนาฬิกาหรูถูกกล่าวหาว่าเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี ซึ่งนายวีระก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้เปลี่ยนสีแต่ตรวจสอบบนหลักการ
กรณีนี้สะท้อนได้ว่าแม้การเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมทางการเมืองในฝั่งที่เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องสิทธิการชุมนุม เรียกร้องการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทำในนามกลุ่มใดก็ตาม ความรู้สึกร่วมยังคงมีแต่เฉพาะในกลุ่มที่คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้น
ยังไม่อาจข้ามแดนไปหากลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองได้
ความคึกคัก หรือกระแสที่เกิดขึ้นตามสื่อสังคมออนไลน์จึงยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะกลุ่มเดิมๆ ไม่อาจขยายเป็นกระแสใหญ่ของสังคมที่ทุกคนทุกฝ่ายทุกกลุ่มเห็นพ้องต้องกันได้
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ เต็มที่ก็แค่ทำให้เรือแป๊ะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โคลงเคลงบ้าง
ยังไม่ใช่คลื่นใหญ่ที่จะมาพลิกคว่ำเรือแป๊ะของคสช.
อย่างไรก็ตามถึงยังไม่ใช่คลื่นลูกใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวนี้จะเป็นเชื้อสะสมไปรวมกับกรณีอื่นๆ ที่น่าจะช่วยดึงคนกลางๆให้หันมาสนับสนุนได้มากขึ้นในอนาคตข้างหน้า
สถานการณ์วันนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีอะไรมาทำให้สุกงอมจนเด็ดอำนาจออกจากขั้วได้
You must be logged in to post a comment Login