วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

คลื่นลูกเล็ก

On February 9, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันเรียกร้องเลือกตั้งแม้จะปรากฏชื่อของนายวีระ สมความคิด แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนหรือมวลชนในฟากฝั่งของนายวีระจะเห็นพ้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง กรณีนี้สะท้อนได้ว่าการเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมในฝั่งที่เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ว่าจะทำในนามกลุ่มใด ความรู้สึกร่วมยังคงมีแต่เฉพาะในกลุ่มคนที่คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่อาจข้ามแดนไปหากลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองได้ การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ เต็มที่ก็แค่ทำให้เรือแป๊ะของคสช. โคลงเคลงบ้าง ยังไม่ใช่คลื่นลูกใหญ่ที่จะมาพลิกคว่ำเรือแป๊ะได้

การเข้ามอบตัวของกลุ่มเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งหรือ MBK 39 ที่ถูกพนักงานสอบสวนจัดหนัก

แจ้งข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งห้ามการชุมนุมในรัศมี 150 เมตรจากวังของพระบรมวงศ์ (วังสระปทุม) และละเมิดคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ที่ห้ามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

ในจำนวนนี้มี 9 คนที่ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา

รายชื่อผู้ที่ถูกดำเนินคดีแม้จะปรากฎชื่อของ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ที่ดูเหมือนจะไม่เข้าพวกกับกลุ่มผู้ต้องหารายอื่นซึ่งมีชื่อของ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นายสิรวิชญ์ เสรีธีวัฒน์ หรือ จ่านิว นายรังสิมันต์ โรม

แต่ไม่มีนัยสำคัญทางการเมือง

แม้นายวีระ จะไปปรากฎตัวยังสถานที่ชุมนุมที่สกายวอล์ค สยามสแควร์ เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนหรือมวลชนในฝากฝั่งของนายวีระจะเห็นพ้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง

คงมีเพียงแต่นายวีระ ที่ต้องการแสดงจุดยืนในหลักการที่ว่าต้องตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ตรวจสอบการทุจริตของทุกรัฐบาลอย่างเท่าเทียม

ไม่จ้องตรวจสอบเฉพาะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายการเมืองตรงกันข้าม

ที่สำคัญนายวีระ ยืนยันว่าการไปปรากฏตัวในวันนั้นไม่ได้ไปร่วมชุมนุมเรียกร้องเลือกตั้ง แต่ไปอยู่ในจุดดังกล่าว เพราะ พบคนรู้จักโดยบังเอิญ และมีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์ ซึ่งการสัมภาษณ์ไม่ใช่การปลุกระดม ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และในวันเวลาดังกล่าวไม่ได้ขึ้นปราศรัยตามที่ถูกกล่าวหา

นายวีระซึ่งแสดงบทบาทสำคัญในการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังรักษาระยะห่างกับกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองที่มองว่าเป็นคนละฝั่งกัน

หากติดตามเฟซบุ๊กของนายวีระ ก็จะเห็นว่าถูกมวลชนฝ่ายเดียวกันต่อว่าอย่างสาดเสียเทเสียกับการเคลื่อนไหวตรวจสอบนาฬิกาหรูถูกกล่าวหาว่าเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี ซึ่งนายวีระก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้เปลี่ยนสีแต่ตรวจสอบบนหลักการ

กรณีนี้สะท้อนได้ว่าแม้การเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมทางการเมืองในฝั่งที่เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องสิทธิการชุมนุม เรียกร้องการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทำในนามกลุ่มใดก็ตาม ความรู้สึกร่วมยังคงมีแต่เฉพาะในกลุ่มที่คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้น

ยังไม่อาจข้ามแดนไปหากลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองได้

ความคึกคัก หรือกระแสที่เกิดขึ้นตามสื่อสังคมออนไลน์จึงยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะกลุ่มเดิมๆ ไม่อาจขยายเป็นกระแสใหญ่ของสังคมที่ทุกคนทุกฝ่ายทุกกลุ่มเห็นพ้องต้องกันได้

การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ เต็มที่ก็แค่ทำให้เรือแป๊ะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โคลงเคลงบ้าง

ยังไม่ใช่คลื่นใหญ่ที่จะมาพลิกคว่ำเรือแป๊ะของคสช.

อย่างไรก็ตามถึงยังไม่ใช่คลื่นลูกใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวนี้จะเป็นเชื้อสะสมไปรวมกับกรณีอื่นๆ ที่น่าจะช่วยดึงคนกลางๆให้หันมาสนับสนุนได้มากขึ้นในอนาคตข้างหน้า

สถานการณ์วันนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีอะไรมาทำให้สุกงอมจนเด็ดอำนาจออกจากขั้วได้


You must be logged in to post a comment Login