- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
คิดกันไปเอง
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ไม่ต้องมีแหล่งข่าววงใน ไม่ต้องมีพรายกระซิบก็เชื่อว่าทุกคนพอจะมองออก คาดเดาทิศทางได้ โอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมองไปทางไหนก็มีแต่กลุ่มพลังเงียบที่เข้าขั้นเงียบสงัด เงียบลึก ไม่สนใจการเมือง ทั้งนี้เพราะมองไม่เห็นอนาคต มองไม่เห็นตัวเลือกที่ดีกว่า และยังเห็นรางวัลที่นักเคลื่อนไหวได้รับซึ่งมีแต่คดีความคิดตัว ใครจะอยากออกมาเสี่ยงตีงูให้กากิน เรื่องนี้ผู้มีอำนาจอ่านขาดจึงมั่นใจว่ากระแสทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง เมื่อมั่นใจ จึงพร้อมจะใช้อำนาจเต็มที่เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้า ตามภารกิจที่ตั้งใจไว้
สถานการณ์บ้านเมือง แม้จะพอมองออก คาดเดาทิศทางได้ แต่ก็มีความเสี่ยงจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ตลอดเวลาเหมือนกัน
การเมืองเหมือนนั่งเล่นเกมแม้จะรู้ว่าเส้นชัยคืออะไร แต่ต้องดูกันยาวๆ ต้องผ่านไปทีละด่าน ลุ้นกันเป็นเรื่องๆไป
เรื่องเลือกตั้งดูเหมือนว่าตอนนี้ทุกคนทุกฝ่ายจะคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันและเริ่มยอมรับความจริงแล้วว่า ปี 2562 ก็ไม่มีเลือกตั้ง
ส่วนจะลากยาวไปนานแค่ไหนปัจจัยชี้ขาดหลักมีอยู่ 2 อย่าง
ปัจจัยแรกอย่างที่ทราบกันคือต้องรอดูผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.
หลังผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องรอดูมติของสนช.ว่าจะผ่านหรือคว่ำร่างพ.ร.ป.
ถ้าผ่านไปได้ถึงจะเริ่มเค้าท์ดาวนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะยังมีปัจจัยที่สองที่สามารถสอดแทรกเข้ามาทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปได้อีก
เมื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดชัดว่า
“เราต้องมีวิธีการที่จะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ตามเวลาที่กำหนด ซึ่งมีอยู่สองอย่าง คือ 1.ผมกำหนด 2.กฎหมายกำหนด”
หมายความว่าหากให้กฎหมายกำหนดก็จะจัดเลือกตั้งภายใน 150 วันหลังพ.ร.ป.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้
แต่ถ้า “ผมกำหนด” ไม่มีใครรู้ว่าจะกำหนดให้มีเลือกตั้งเมื่อไหร่ เพราะอำนาจมาตรา 44 สั่งเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้หมด
อย่างไรก็ตามหากให้คาดเดาคงใช้เทคนิคกฎหมายยื้อ จนไม่เหลือเทคนิคกฎหมายให้ใช้ได้แล้ว ถ้าภารกิจยังไม่สำเร็จจึงใช้มาตรา 44 เพราะถ้าข้ามขั้นไปใช้มาตรา 44 เลยมีความเสี่ยงสูง
ขั้นตอนไปสู่การเลือกตั้งน่าจะเป็นไปตามสเต็ปที่ว่านี้
ส่วนกระแสต่อต้านดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจจะไม่ได้หวั่นเกรงเท่าไหร่ เนื่องจากยังมั่นใจในอำนาจว่าคุมได้
เรื่องที่ว่ากองหนุนลดลง หรือว่าความนิยมเสื่อมถอยลง ผู้มีอำนาจเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง
เนื่องจากเห็นว่าคนที่ออกมาพูด คนที่ออกมาบ่น ออกมาเรียกร้อง ออกมาเคลื่อนไหว ส่วนมากเป็นพวกขาประจำหน้าเดิมที่วิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามายึดอำนาจ
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างกับตอนเลือกตั้งที่รู้ทิศทาง รู้ผล ล่วงหน้าแล้ว
หากจะเปลี่ยนสถานการณ์ เปลี่ยนแปลงผลต้องอาศัยพลังเงียบ
เมื่อมองจากสภาพปัจจุบันต้องบอกว่าเป็นไปได้ค่อนข้างยากถึงยากมาก เพราะพลังเงียบในสังคมตอนนี้เข้าขั้นเงียบสงัด เงียบลึก ไม่ได้สนใจการเมือง
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเบื่อความขัดแย้ง และไม่มั่นใจว่าถ้าออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลทหารคสช.ไปได้แล้วจะมีอนาคตที่ดีกว่า เพราะมองเห็นแต่นักการเมืองหน้าเดิมที่รอเข้าสู่อำนาจ ไม่มีตัวเลือกที่สดใหม่พอจะฝากผีฝากไข้ได้
ที่สำคัญไม่มีใครอยากเปลืองตัวอีกแล้ว เพราะเห็นบทเรียนจากนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรมทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกสีที่ออกมาสู้ในช่วงที่ผ่านมารางวัลที่ได้มีแค่ 2 อย่างคือไม่ตายก็คิดคุก
ใครจะอยากออกมาเสี่ยงตีงูให้กากิน
เรื่องนี้ผู้มีอำนาจอ่านขาดถึงมั่นใจว่ากระแสทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง
เมื่อมั่นใจ จึงพร้อมจะใช้อำนาจเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้า ตามภารกิจที่ตั้งใจไว้อย่างที่เห็น
You must be logged in to post a comment Login