วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มะเร็งหลังโพรงจมูก / โดย พญ.วรรนธนี อภิวัฒนเสวี

On February 12, 2018

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน : พญ.วรรนธนี อภิวัฒนเสวี

มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นอีกหนึ่งโรคมะเร็งร้ายที่กลายเป็นภัยเงียบและคร่าชีวิตผู้คนได้ไม่แพ้มะเร็งชนิดอื่นๆ

เนื่องจากมะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นโรคที่อยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนเร้น ยากแก่การตรวจพบ จึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการในระยะที่มะเร็งลุกลามมากแล้วและยากแก่การรักษา ซึ่งในแต่ละปีพบผู้ป่วยทั่วโลกเกือบ 1 ต่อประชากรแสนคน โดยเฉพาะในแถบเอเชียจะพบผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้เพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ จีนตอนใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน ในขณะที่ประเทศไทยพบมะเร็งหลังโพรงจมูก 25 คนต่อประชากรแสนคน ซึ่งพบว่าอุบัติการณ์ในผู้ชายสูงกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า ส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาวถึงวัยกลางคน โดยในถิ่นที่มีความชุกของโรคสูงจะพบว่ามีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัสเอปสไตน์บาร์ (Epstein-Barr virus)

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่ามะเร็งหลังโพรงจมูกนี้เกิดจากอะไร แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจเพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูกได้คือ 1.พันธุกรรม จากการที่พบว่ามะเร็งหลังโพรงจมูกมีความชุกสูงเฉพาะในบางเขตภูมิศาสตร์ เช่น ประเทศจีนตอนใต้ และส่วนอื่นๆที่ชาวจีนอพยพไป ทำให้มีการศึกษาว่าพันธุกรรมอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ 2.ไวรัส เป็นที่ยอมรับกันว่าไวรัสเอปสไตน์บาร์มีส่วนสำคัญต่อการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก โดยศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกจะมีสารภูมิต้านทานต่อไวรัสชนิดนี้ในปริมาณที่สูงกว่าประชากรทั่วไปที่มีสุขภาพดี

3.อาหารการกิน พบว่าในมณฑลกวางตุ้งที่มีอุบัติการณ์ของมะเร็งหลังโพรงจมูกในอัตราสูงนั้น ประชาชนนิยมบริโภคปลาหมักเค็มกันมากกว่าส่วนอื่นของประเทศ ซึ่งในเรื่องอาหารนั้นในประเทศไทยก็พบว่ามีข้อมูลที่คนไทยบริโภคอาหารที่มีสารไนโตรซามีนในจำนวนมาก ซึ่งมีอยู่ในเนื้อสัตว์ อาหารหมักดอง เช่น ไส้กรอก แหนม ปลาร้า ปลาเค็ม 4.สิ่งแวดล้อม มีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมหลายอย่างที่อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก ได้แก่ ฝุ่นละออง ควันไฟจากการเผาไม้หรือหญ้า สารเคมีต่างๆ ตลอดจนการดื่มสุราและการสูบบุหรี่

อาการเบื้องต้นของโรคนี้ ผู้ป่วยอาจหูอื้อข้างเดียว มีเสียงดังในหู คัดแน่นจมูก มีน้ำมูกหรือเสมหะปนเลือด เมื่อโรคมีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง ทำให้คลำได้ก้อนที่คอข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ เนื่องจากตำแหน่งของโพรงหลังจมูกอยู่ติดกับฐานสมอง ทำให้โรคสามารถลุกลามเข้าเส้นประสาทสมองหรือเข้าสมอง ทำให้ปวดศีรษะ หน้าชาด้านใดด้านหนึ่ง หรือเกิดการมองเห็นที่ผิดปรกติ เช่น มองเห็นภาพซ้อน

สำหรับการตรวจวินิจฉัย แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะบริเวณโพรงหลังจมูก และหากสงสัยว่ามีความผิดปรกติก็จะทำการส่องกล้องทางจมูกเพื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจอีกครั้ง ในบางรายอาจตรวจเลือดหาสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสเอปสไตน์บาร์ สำหรับการตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อหาระยะและขอบเขตของโรคนั้นสามารถทำได้ด้วย CT Scan หรือ MRI บริเวณโพรงหลังจมูกและบริเวณลำคอ ตรวจการแพร่กระจายของโรคไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น เอกซเรย์ปอด อัลตราซาวนด์ตับและช่องท้อง การกระจายเข้าสู่กระดูกหรือ Bone Scan

การรักษามะเร็งหลังโพรงจมูกโดยหลักคือ การใช้รังสีรักษา ซึ่งอาจรวมกับการให้เคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับระยะการดำเนินโรคของมะเร็ง ส่วนการผ่าตัดมีบทบาทน้อย เนื่องจากตำแหน่งของโรคอยู่ติดกับอวัยวะสำคัญ เช่น เส้นประสาทสมอง เส้นเลือดแดงใหญ่ในสมอง และส่วนเนื้อสมอง ทำให้การผ่าตัดก่อให้เกิดอันตรายและความพิการสูงมาก ประกอบกับเซลล์ของมะเร็งส่วนใหญ่จะตอบสนองดีต่อการฉายรังสี ทำให้การผ่าตัดมีบทบาทในกรณีหลังรักษาแล้วแต่ยังคงมีเนื้อมะเร็งเหลือค้างอยู่

มะเร็งหลังโพรงจมูกนับว่าเป็นภัยเงียบที่ซ่อนเร้น แต่หากตรวจพบเร็วก็จะรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น การหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมที่อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งหลังโพรงจมูก รวมถึงการปฏิบัติตัวและดูแลพฤติกรรมในการรับประทานอาหารก็เป็นการป้องกันภัยเงียบจากมะเร็งชนิดนี้ได้เช่นเดียวกัน


You must be logged in to post a comment Login