- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
กดดันโสมแดงยุตินิวเคลียร์
กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแถลงวันนี้ว่า ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐเห็นพ้องให้ดำเนินมาตรการกดดันเกาหลีเหนือต่อไป จนกว่าเกาหลีเหนือจะเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
รายงานระบุว่า ผู้นำทั้งสองยืนยันท่าทีดังกล่าวในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่า การเจรจาจะไร้ความหมาย หากเกาหลีเหนือยังไม่เลิกล้มโครงการนิวเคลียร์อย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ได้เสนอที่จะพบปะกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยาง โดยยืนข้อเสนอดังกล่าวผ่านทางน้องสาวของนายคิมที่เดินทางมาร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และด้านรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐ ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเช่นกัน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐพร้อมจะเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่มีเงื่อนไขว่า เกาหลีเหนือต้องเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์เช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวเรื่องของชาวโรฮิงญา ทางสหรัฐระบุว่าการที่รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธว่าไม่มีการเข่นฆ่าล้างชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญานั้นเป็นเรื่องน่าขันและเรียกร้องให้สหประชาชาติกดดันผู้นำเมียนมาให้ยอมรับเรื่องดังกล่าว
นางนิกกี้ เฮลี่ย์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวหาว่า รัฐบาลเมียนมากระทำการเข่นฆ่าล้างกลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาและเพื่อไม่ให้มีใครเห็นต่างรัฐบาลเมียนมาจึงกีดกันไม่ให้บุคคลหรือองค์กรใดๆเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์ในรัฐยะไข่ ซึ่งสหรัฐมองว่าการปฏิเสธของรัฐบาลเมียนมาเป็นเรื่องที่น่าขบขัน พร้อมกับเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซี กดดันให้นางอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา ยอมรับว่ามีการเข่นฆ่าล้างชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญาเกิดขึ้นจริงในประเทศ
นอกจากนี้นางเฮลี่ย์ ยังเรียกร้องให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวสองนักข่าวรอยเตอร์ที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ทูตเมียนมาประจำยูเอ็นกล่าวว่านักการทูตจำนวนหนึ่งเคยเดินทางเข้าไปยังรัฐยะไข่แต่กลับแจ้งต่อยูเอ็นเอชซีว่าไม่ได้เดินทางไป
ส่วนกรณีที่มีสื่อตะวันตกรายงานว่ามีการพบหลุมฝังศพหมู่ชาวโรฮิงญานั้น ผลสอบพบว่าเป็นสมาชิกกองทัพกอบกู้อาระกัน โรฮิงญา 10 คน ที่ถูกจับกุมและถูกประหารและนำศพไปฝังในวันต่อมา สำหรับนักข่าวรอยเตอร์ส 2 คนที่ถูกจับนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเข้าไปรายงานข่าวโรฮิงญาแต่ถูกจับในข้อหามีเอกสารลับของทางราชการไว้ในครอบครอง
You must be logged in to post a comment Login