- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
กดดันโสมแดงยุตินิวเคลียร์

กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแถลงวันนี้ว่า ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐเห็นพ้องให้ดำเนินมาตรการกดดันเกาหลีเหนือต่อไป จนกว่าเกาหลีเหนือจะเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
รายงานระบุว่า ผู้นำทั้งสองยืนยันท่าทีดังกล่าวในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่า การเจรจาจะไร้ความหมาย หากเกาหลีเหนือยังไม่เลิกล้มโครงการนิวเคลียร์อย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ได้เสนอที่จะพบปะกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยาง โดยยืนข้อเสนอดังกล่าวผ่านทางน้องสาวของนายคิมที่เดินทางมาร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และด้านรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ของสหรัฐ ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเช่นกัน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐพร้อมจะเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่มีเงื่อนไขว่า เกาหลีเหนือต้องเลิกล้มโครงการนิวเคลียร์เช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวเรื่องของชาวโรฮิงญา ทางสหรัฐระบุว่าการที่รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธว่าไม่มีการเข่นฆ่าล้างชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญานั้นเป็นเรื่องน่าขันและเรียกร้องให้สหประชาชาติกดดันผู้นำเมียนมาให้ยอมรับเรื่องดังกล่าว
นางนิกกี้ เฮลี่ย์ ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวหาว่า รัฐบาลเมียนมากระทำการเข่นฆ่าล้างกลุ่มชาติพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาและเพื่อไม่ให้มีใครเห็นต่างรัฐบาลเมียนมาจึงกีดกันไม่ให้บุคคลหรือองค์กรใดๆเดินทางเข้าไปสังเกตการณ์ในรัฐยะไข่ ซึ่งสหรัฐมองว่าการปฏิเสธของรัฐบาลเมียนมาเป็นเรื่องที่น่าขบขัน พร้อมกับเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซี กดดันให้นางอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา ยอมรับว่ามีการเข่นฆ่าล้างชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญาเกิดขึ้นจริงในประเทศ
นอกจากนี้นางเฮลี่ย์ ยังเรียกร้องให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวสองนักข่าวรอยเตอร์ที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ทูตเมียนมาประจำยูเอ็นกล่าวว่านักการทูตจำนวนหนึ่งเคยเดินทางเข้าไปยังรัฐยะไข่แต่กลับแจ้งต่อยูเอ็นเอชซีว่าไม่ได้เดินทางไป
ส่วนกรณีที่มีสื่อตะวันตกรายงานว่ามีการพบหลุมฝังศพหมู่ชาวโรฮิงญานั้น ผลสอบพบว่าเป็นสมาชิกกองทัพกอบกู้อาระกัน โรฮิงญา 10 คน ที่ถูกจับกุมและถูกประหารและนำศพไปฝังในวันต่อมา สำหรับนักข่าวรอยเตอร์ส 2 คนที่ถูกจับนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเข้าไปรายงานข่าวโรฮิงญาแต่ถูกจับในข้อหามีเอกสารลับของทางราชการไว้ในครอบครอง
You must be logged in to post a comment Login