- ปีดับคนดังPosted 9 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
ยาประจำบ้าน / โดย ผศ.พญ.สมฤดี ฉัตรสิริเจริญกุล
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : ผศ.พญ.สมฤดี ฉัตรสิริเจริญกุล
คนเราหากเจ็บป่วยเล็กน้อยมักจะพึ่งยาสามัญประจำบ้าน ถึงแม้จะมีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ไม่ถูกก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน
พาราเซตามอล เป็นยาลดไข้แก้ปวดที่ใช้กันมากที่สุด มีความปลอดภัย ไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ไม่ควรใช้ยาเกิน 8 เม็ดต่อวัน ถ้าใช้ยาเกินขนาด เช่น มากกว่า 20 เม็ดต่อวัน จะเป็นพิษต่อตับ และทำให้ตับวาย อันตรายถึงชีวิตได้
คลอร์เฟนิรามีน เป็นยาที่ใช้ลดน้ำมูกใสๆ บรรเทาอาการแพ้ อาการคัน ยานี้จะทำให้ง่วงนอน จึงไม่ควรใช้ถ้าต้องขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรกลเพราะอาจเกิดอันตรายได้ การใช้ยาอาจทำให้คอแห้ง ใจสั่น หรือมีเสมหะเหนียวข้น ขับออกยาก ผู้ที่ไอและมีเสมหะจึงไม่ควรรับประทานยาชนิดนี้
ยาแก้ไอชนิดน้ำดำ ควรรับประทานตามเวลาที่กำหนดคือ วันละ 3-4 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักใช้จิบเวลาไอ ซึ่งจะทำให้ได้รับทิงเจอร์ ฝิ่นมากเกินไป เกิดอาการง่วง มึนงง คลื่นไส้ ท้องผูก หากนำไปใช้กับผู้ที่ไอและมีเสมหะเหนียว หรือไอจากหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ จะทำให้เสมหะเหนียวมากขึ้นและไปอุดกั้นทางเดินหายใจทำให้หยุดหายใจได้
ถ้าเป็นยาก่อนอาหารให้รับประทานในช่วงท้องว่างประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาถูกดูดซึมและออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ส่วนยาหลังอาหารโดยทั่วไปควรรับประทานหลังอาหารประมาณ 15-30 นาที ยกเว้นยาบางชนิดที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารควรรับประทานหลังอาหารทันที สำหรับยาก่อนนอนควรรับประทานก่อนเข้านอนประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ในช่วงกลางคืน
การใช้ยาควรใช้ให้ถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา และถูกขนาด ตามที่แพทย์หรือเภสัชกรกำหนด ไม่ควรนำยาที่ตนเองเคยใช้ไปให้ผู้อื่นรับประทาน ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ยาโดยไม่รู้ตัว
You must be logged in to post a comment Login