- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ช่วยคนอื่นพระเจ้าจะให้ความสุขแก่คุณ / โดย บรรจง บินกาซัน

คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
สมัยเป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมเห็นเพื่อนร่วมชั้นชื่ออาริฟหอบหนังสือทั้งหมดของเขากลับบ้านในวันศุกร์ ผมถามตัวเองในใจว่า “ประสาทหรือเปล่าวะ ทำไมต้องหอบหนังสือทั้งหมดของตัวเองกลับบ้าน?”
ในตอนนั้นผมมีแผนมา 1 สัปดาห์แล้วว่า บ่ายวันเสาร์ผมจะไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆและสังสรรค์กันต่อหลังจากเล่นฟุตบอล ดังนั้น ผมจึงได้แต่ยักไหล่และออกจากที่พักไป
ขณะที่ผมเดินอยู่ผมเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งไปยังอาริฟ พอถึงตัวเด็กบางคนก็ผลักเขาจนล้มลง หนังสือของเขาหล่นกระจาย แว่นตาของเขากระเด็นตกไปในพงหญ้าห่างจากเขาประมาณสัก 10 ฟุต
เมื่ออาริฟเงยหน้าขึ้นมา ผมเห็นได้ทันทีว่าหน้าตาของเขาเศร้ามาก หัวใจของผมไปถึงเขาก่อนที่ตัวผมจะวิ่งตามไปหาเขา
ในขณะที่เพื่อนผู้น่าสงสารคนนี้กำลังคลานหาแว่นตาอยู่ ผมเห็นตาของเขามีน้ำตาไหลออกมา ผมหยิบแว่นตาของเขาส่งให้ เขากล่าว “ขอบใจมากนะ” พร้อมกับมีรอยยิ้มบนใบหน้า
รอยยิ้มและสายตาของเขาที่มองผมบอกให้รู้ว่าเขาขอบใจผมจริงๆ ผมช่วยเก็บหนังสือของเขาและถามว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน แค่เพียง 2-3 คำตอบ ผมก็รู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆกับผม ผมยิ้มด้วยความสงสัยว่าทำไมผมไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้มาก่อน หลังจากนั้นผมจึงช่วยเขาถือหนังสือกลับบ้าน
ระหว่างทางผมถามเขาว่า “นายอยากไปเล่นฟุตบอลในวันเสาร์กับเราไหม?” เขาตอบว่า “ได้สิ” ยิ่งคุยกันทำให้ผมยิ่งรู้จักเขามากขึ้นและรักเขามากขึ้น เพื่อนๆของผมก็รู้สึกเหมือนกับผมเช่นกันเมื่อได้พบและคุยกับอาริฟ
เช้าวันจันทร์อาริฟหอบหนังสือทั้งหมดของเขามาอีก ผมจึงเข้าไปหาเขาและหยอกเขาว่า “นายกล้ามใหญ่แน่ถ้าแบกหนังสือกองนี้ทุกวัน” เขาได้แต่ยิ้มและส่งหนังสือครึ่งหนึ่งมาให้ผมช่วยถือ
เวลาผ่านไป 4 ปี ทำให้อาริฟกับผมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เมื่ออยู่ชั้นมัธยมฯปีสุดท้าย เราเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยกัน อาริฟตัดสินใจเลือกเรียนที่หนึ่ง ส่วนผมเลือกเรียนอีกที่หนึ่ง ผมรู้ว่าถึงอย่างไรเรายังคงเป็นเพื่อนกันแม้มหาวิทยาลัยที่เราเข้าเรียนจะห่างกันหลายกิโลเมตร เขาอยากจะเป็นแพทย์ ส่วนผมสนใจและได้ทุนเรียนทางด้านกีฬา
พอสอบเทอมสุดท้ายเสร็จ เพื่อนร่วมชั้นตกลงกันให้อาริฟเป็นตัวแทนกล่าวคำอำลาก่อนจบการศึกษา ผมดีใจมากที่ผมไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้ที่ต้องขึ้นไปพูด
เมื่อวันฉลองการจบการศึกษามาถึง อาริฟดูภูมิฐานมาก เขาเป็นคนหนึ่งในโรงเรียนที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน เขาเป็นที่รู้จักของคนอื่นมากกว่าผม และนักเรียนผู้หญิงทุกคนรักเขาจนผมรู้สึกอิจฉา วันนั้นผมเห็นเขาไม่รู้สึกประหม่าเลย ผมตบหลังเขาและบอกว่า “เฮ้ย นายรุ่งแน่”
เมื่อเขาขึ้นพูด เขาเริ่มกล่าวว่า “การจบการศึกษาคือการขอบคุณบรรดาผู้ที่ช่วยพวกคุณให้ผ่านการศึกษาไปด้วยดี พ่อแม่ของคุณ ครูของคุณ พี่น้องของคุณอาจช่วยคุณ แต่ส่วนใหญ่คือเพื่อนของคุณ ผมอยากจะบอกทุกคนว่าการเป็นเพื่อนที่ดีกับใครบางคนเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณสามารถให้เขาได้ ผมมีเรื่องหนึ่งซึ่งอยากจะเล่าให้พวกคุณฟัง”
ผมมองไปที่อาริฟด้วยความไม่เชื่อว่าเขากำลังเล่าเหตุการณ์วันแรกที่เราพบกัน เขาเล่าว่าวันนั้นเขาวางแผนจะฆ่าตัวตาย เขาจึงเอาหนังสือออกจากตู้เก็บหนังสือของโรงเรียนจนหมดเพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องมาตามเก็บทีหลัง เขามองมาที่ผมและส่งยิ้มน้อยๆให้พร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณที่คุณมาช่วยให้ผมรอด เพื่อนของผมได้ช่วยผมให้พ้นจากการทำสิ่งที่ผมไม่อาจพูดได้”
หลังจากนั้นเขาก็เล่าช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุดให้พวกเราได้รู้ ทุกคนนั่งเงียบฟังเขาพูด พอเขาพูดจบ ทุกคนต่างถอนหายใจและชื่นชมเขา
ผมเห็นพ่อกับแม่ของเขาหันมามองผมและส่งรอยยิ้มแห่งความขอบคุณมาถึงผม วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ผมมีความสุขที่สุด
อย่าคิดว่าการช่วยเหลือคนอื่นของคุณเป็นเรื่องเล็กน้อย แค่เพียงรอยยิ้มคุณก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนผู้หนึ่งได้ จะดีหรือร้ายพระเจ้าก็ส่งเรามาให้พบกันเพื่อเราจะได้รับอะไรจากกันและกัน จงช่วยเหลือกัน และพระเจ้าจะให้คุณได้รับความสุข
You must be logged in to post a comment Login