- อย่าไปอินPosted 16 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
“ออลล่า”ทำกำไรสุทธิปี60ที่57.54ลบ.พร้อมแจกปันผลหุ้นละ0.07บาท
นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA ผู้ผลิต จำหน่าย และติดตั้งเครน และรอกไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุอุปกรณ์ และสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม และคลังสินค้าต่าง ๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯประจำปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.54 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 620.96 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้มีมติในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 0.07 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 3 พ.ค. 2561 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค. 2561
ในขณะที่ในปัจจุบันบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีมูลค่างานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ณ เดือนธันวาคม 2561 มูลค่าประมาณ 301 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2559 จำนวน 77 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มสูงขึ้น 34% ซึ่งงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 เป็นต้นไป โดยบริษัทฯคาดว่าแนวโน้มของผลประกอบการในปี 2561 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังจากปริมาณงานเครน และรอกไฟฟ้า รวมถึงประตูอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECในขณะเดียวบริษัทฯยังคงแผนการขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นควาชัดเจนได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้บริษัทฯได้ปรับแผนการลงทุนสำหรับการขยายโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีแผนที่จะย้ายคลังสินค้าของบริษัทฯบางส่วนไปที่คลังสินค้าแห่งใหม่ของบริษัทย่อย ซึ่งจะเป็นผลให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่ในการผลิตมากขึ้น บริษัทฯจึงเปลี่ยนแปลงแผนการใช้เงินทุน จากเดิมมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อขยายโรงงานของบริษัทฯที่ตำบลเกาะไร่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการปรับปรุงพื้นที่การใช้งานโรงงานโดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่2ของปี 2561 และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่1 ของปี 2562ซึ่งจะทำให้บริษัทฯลดมูลค่าการลงทุนได้กว่า 23 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานของเราในปีที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มสูงขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการของประตูอุตสาหกรรมและสะพานปรับระดับโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจประเภท Logistic Hypermarket และกลุ่มเกษตรและอาหาร ส่วนการปรับแผนการลงทุนนั้น บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสในการประหยัดต้นทุน และความระมัดระวังการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เหมาะสมกับโอกาสและสถานการณ์ เพื่อรักษาต้นทุนไม่ให้เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นในอนาคต” นายองอาจกล่าว
You must be logged in to post a comment Login