- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
‘ทรัมป์’ยกระดับสงครามการค้า
ผู้นำสหรัฐยกระดับสงครามการค้าอีกขั้น ด้วยการจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หลังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ หลังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมครั้งใหญ่ ล่าสุดทรัมป์ได้ทวีตข้อความระบุว่า จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หากสหภาพยุโรป (อียู) หากยังเดินหน้าตั้งกำแพงภาษีกับบริษัทของสหรัฐที่ทำธุรกิจในยุโรปต่อไป ทรัมป์บอกก่อนหน้านี้ด้วยว่า การทำสงครามการค้าเป็นสิ่งที่ดีและเขาจะชนะมันอย่างง่ายดาย ด้านนายฌอง โคล้ด ยุงเกอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการยุโรป ตอบโต้ว่า หากสหรัฐบังคับใช้มาตรการภาษีจริงอย่างที่ ทรัมป์ ประกาศออกมา สหภาพยุโรปก็ไม่มีทางเลือก นอกจากใช้มาตรการตอบโต้กลับไป ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐร้อยละ 25 ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน วิสกี้ เบอร์เบิน และกางเกงยีนส์ลีวายส์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กร้อยละ 25 และร้อยละ 10 สำหรับภาษีนำเข้าอลูมิเนียม โดยอ้างว่า การผลิตเหล็กและอลูมิเนียมที่ล้นตลาดในจีน ทำให้ราคาเหล็กและอลูมิเนียมในตลาดโลกตกต่ำ เป็นผลให้สินค้าราคาถูกหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐ
นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่า เขาจะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐ ถึงแนวโน้มที่จะมาร่วมในพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งใหม่ที่นครเยรูซาเลมในเดือนพฤษภาคมนี้
นายเนทันยาฮู กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อค่ำวันเสาร์ก่อนออกเดินทางโดยเครื่องบินไปสหรัฐว่า เขาจะหารือถึงความเป็นไปได้ว่าจะเชิญผู้นำสหรัฐมาร่วมในพิธีเปิดสถานทูตแห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้การรับรองสถานะเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสั่งย้ายสถานทูตสหรัฐมาเยรูซาเลมในวันชาติอิสราเอล 14 พฤษภาคม คำประกาศรับรองเยรูซาเลมของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อ 6 ธันวาคม ก่อให้เกิดกระแสโกรธแค้นในหมู่ชาวปาเลสไตน์ และถือเป็นการละเมิดข้อปฏิบัติระหว่างประเทศที่ยึดถือมานานหลายสิบปีว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องสถานะเยรูซาเลมโดยให้อิสราเอลและปาเลสไตน์เจรจากันเอง ขณะที่ประเทศอื่นๆยังคงสถานทูตไว้ในกรุงเทลอาวีฟ
You must be logged in to post a comment Login