- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
‘ทรัมป์’ยกระดับสงครามการค้า

ผู้นำสหรัฐยกระดับสงครามการค้าอีกขั้น ด้วยการจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หลังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ หลังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมครั้งใหญ่ ล่าสุดทรัมป์ได้ทวีตข้อความระบุว่า จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป หากสหภาพยุโรป (อียู) หากยังเดินหน้าตั้งกำแพงภาษีกับบริษัทของสหรัฐที่ทำธุรกิจในยุโรปต่อไป ทรัมป์บอกก่อนหน้านี้ด้วยว่า การทำสงครามการค้าเป็นสิ่งที่ดีและเขาจะชนะมันอย่างง่ายดาย ด้านนายฌอง โคล้ด ยุงเกอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการยุโรป ตอบโต้ว่า หากสหรัฐบังคับใช้มาตรการภาษีจริงอย่างที่ ทรัมป์ ประกาศออกมา สหภาพยุโรปก็ไม่มีทางเลือก นอกจากใช้มาตรการตอบโต้กลับไป ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐร้อยละ 25 ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน วิสกี้ เบอร์เบิน และกางเกงยีนส์ลีวายส์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กร้อยละ 25 และร้อยละ 10 สำหรับภาษีนำเข้าอลูมิเนียม โดยอ้างว่า การผลิตเหล็กและอลูมิเนียมที่ล้นตลาดในจีน ทำให้ราคาเหล็กและอลูมิเนียมในตลาดโลกตกต่ำ เป็นผลให้สินค้าราคาถูกหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐ
นายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่า เขาจะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำสหรัฐ ถึงแนวโน้มที่จะมาร่วมในพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งใหม่ที่นครเยรูซาเลมในเดือนพฤษภาคมนี้
นายเนทันยาฮู กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อค่ำวันเสาร์ก่อนออกเดินทางโดยเครื่องบินไปสหรัฐว่า เขาจะหารือถึงความเป็นไปได้ว่าจะเชิญผู้นำสหรัฐมาร่วมในพิธีเปิดสถานทูตแห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้การรับรองสถานะเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสั่งย้ายสถานทูตสหรัฐมาเยรูซาเลมในวันชาติอิสราเอล 14 พฤษภาคม คำประกาศรับรองเยรูซาเลมของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อ 6 ธันวาคม ก่อให้เกิดกระแสโกรธแค้นในหมู่ชาวปาเลสไตน์ และถือเป็นการละเมิดข้อปฏิบัติระหว่างประเทศที่ยึดถือมานานหลายสิบปีว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องสถานะเยรูซาเลมโดยให้อิสราเอลและปาเลสไตน์เจรจากันเอง ขณะที่ประเทศอื่นๆยังคงสถานทูตไว้ในกรุงเทลอาวีฟ
You must be logged in to post a comment Login