- อย่าไปอินPosted 10 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
โรคหลงผิด / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 655 วันที่ 9-16 มีนาคม 2561)
สมาชิกแก๊งมาเฟียพยายามกลับเนื้อกลับตัวหันมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา แต่หัวหน้าแก๊งไม่ยินยอมเพราะเขารู้มากเกินไป จึงเกิดการตามล่าหมายเอาชีวิตคนทั้งครอบครัวเพื่อปิดปาก ทำให้พวกเขาต้องหลบหนีไปอยู่ในเมืองคุ้มครองพยานที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้
วอร์เรน ดากิน เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอาชีพระดับหนึ่ง เขาแต่งงานกับรูธ มีบุตรสาวและบุตรชายชื่อพอลีนและเท็ดดี้ วอร์เรนมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือชอบดื่มเหล้า ทุกครั้งที่เมามายเขาจะทำร้ายภรรยา รูธจึงนำปัญหาไปปรึกษากับนักบวช สแตน เซียส์ ซึ่งทำหน้าที่บำบัดรักษาผู้ติดสุรา
ในที่สุดรูธก็เหลือจะทนตัดสินใจหย่าร้าง ในเวลานั้นพอลีนอายุได้ 5 ปี อีก 2 ปีต่อมารูธพาพอลีนไปเที่ยวเมืองวินนิเพก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองแวนคูเวอร์บ้านเกิดกว่า 1,000 ไมล์ และตัดสินใจฝังรกรากที่นี่ไม่ยอมกลับ พอลีนถามแม่ว่าทำไมถึงย้ายถิ่นฐานปัจจุบันทันด่วนแบบนี้ รูธตอบสั้นๆแค่เพียงว่า “หนูยังเด็กเกินไปที่จะบอก เอาไว้โตกว่านี้จะเล่าให้ฟัง”
นักบวชสแตนก็พาครอบครัวย้ายมาที่วินนิเพกเช่นเดียวกัน ต่อมารูธย้ายที่อยู่อีกครั้งไปยังเมืองนิวบรันสวิก รูธกำชับพอลีนไม่ให้บอกกับใครว่าย้ายบ้านไปที่ไหน และอีกครั้งที่ครอบครัวนักบวชสแตนย้ายตามมาอีกเหมือนเช่นเคย เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเธอก็ตาม นักบวชสแตนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
มาเฟียตามล่า
เมื่อพอลีนโตพอที่จะอยู่ตามลำพังคนเดียว รูธก็ย้ายบ้านอีกครั้งไปยังเมืองแฮลิแฟกซ์ ปี 1988 พอลีนอายุ 23 ปี เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย โตพอที่จะรับรู้เรื่องราวอันพิลึกพิลั่นสุดแสนพิสดารอันเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเธอต้องย้ายบ้านหนีอย่างปัจจุบันทันด่วน รูธนัดแนะให้พอลีนไปพบกับเธอที่โรงแรมบลูเบิร์ด
รูธนัดพอลีนให้มาพบที่ปั๊มน้ำมันตรงข้ามโรงแรม เธอยื่นซองจดหมายส่งให้ ข้างในมีกระดาษเขียนข้อความ “อย่าเพิ่งพูดอะไร ถอดเครื่องประดับทั้งหมดใส่ลงในซองจดหมาย แม่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด แต่อย่าถามตอนนี้”
พอลีนทำตามข้อความในจดหมาย เธอถอดเครื่องประดับทั้งหมดใส่ลงในซองจดหมาย หลังจากนั้นรูธก็พาพอลีนมายังห้องพักในโรงแรมบลูเบิร์ด เธอต้องประหลาดใจอีกครั้งที่พบนักบวชสแตนนั่งรออยู่ในห้องพัก
รูธและสแตนเฉลยปัญหาคาใจที่พอลีนไม่เคยรู้มาก่อน พ่อบังเกิดเกล้าเป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ ต่อมาเกิดกลับใจอยากแยกตัวออกจากแก๊ง แต่หัวหน้าแก๊งไม่ยอม ทำให้พ่อและคนในครอบครัวถูกแก๊งมาเฟียตามล่าเอาชีวิต และที่ต้องขอให้พอลีนถอดเครื่องประดับก่อนเข้าโรงแรมเพราะเกรงว่าจะมีการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณ
คนดีผีคุ้ม
รูธทำหน้าที่เลขานุการของนักบวชสแตน เธอนำปัญหาการติดสุราของสามีมาปรึกษา ทำให้องค์กรอาชญากรรมเกรงว่าความลับจะรั่วไหลจึงส่งคนคอยติดตามและวางแผนจะวางยาพิษหรือลักพาตัว เดชะบุญที่หน่วยสืบราชการลับแคนาดาระแคะระคายจึงส่งคนมาปกป้องคุ้มกัน
แต่ชีวิตของพวกเขายังไม่ปลอดภัย รัฐบาลแนะนำให้รูธและสแตนไปอยู่ในหมู่บ้านคุ้มครองพยานที่รู้จักกันในชื่อ Weird World หรือหมู่บ้านผิดแผกแปลกแยก นักบวชสแตนได้ย้ายเข้าไปอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ภรรยาของเขาไม่ต้องการตามไปด้วย สแตนจึงอยู่คนเดียวตามลำพัง
รูธยอมรับว่าเธอและสแตนมีใจให้กันและกันมานานแล้ว ติดที่สแตนมีภรรยาอยู่แล้ว แต่เมื่อภรรยาของสแตนไม่ย้ายมาอยู่ด้วยก็เป็นโอกาสที่รูธและสแตนจะได้อยู่ด้วยกัน พอลีนทั้งตกใจ ทั้งกลัว และเศร้าเสียใจกับเรื่องราวที่ได้ยิน เธอใช้เวลาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ฟังแม่และสแตนเล่าเรื่องราวที่ปกปิดมานานกว่า 16 ปี
ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย
พอลีนจำได้ว่าสมัยเด็กๆเธอเคยเห็นแม่กวาดเอาของกินในบ้านทิ้งทั้งหมด โดยบอกกับเธอว่าของพวกนี้หมดอายุแล้ว แต่ที่สงสัยคือซอสมะเขือเทศกับมัสตาร์ดเก็บได้เป็นปี ไม่น่าจะเสีย ทำไมแม่ถึงกวาดทิ้งไปด้วย ซึ่งแม่เฉลยให้ฟังวันนี้เองว่ามีคนเตือนมาว่าอาจถูกวางยาพิษในอาหารจึงจำเป็นต้องทิ้งของกินทุกอย่างในบ้าน
รูธเคยสั่งให้พอลีนล้างเท้าหลังกลับจากโรงเรียน ให้สวมถุงเท้าและใช้ถุงพลาสติกคลุมทับอีกชั้นตลอดเวลาที่เดินในบ้าน พอลีนเริ่มเข้าใจสิ่งแปลกๆที่แม่ชอบทำสมัยเธอเป็นเด็ก
ก่อนจะจากกันสแตนขอติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวไว้ที่รถของพอลีนเพื่อที่สายลับจะได้ตามปกป้องเธอได้ และยังให้เครื่องรับส่งวิทยุขนาดจิ๋วอันหนึ่งพกติดตัวตลอดเวลา โดยมีข้อแม้ว่าพอลีนจะร้องขอความช่วยเหลือเมื่อแน่ใจว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น ห้ามใช้พร่ำเพรื่อ
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของพอลีนก็เปลี่ยนไป เธอระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เหลียวซ้ายแลขวาทุกครั้งที่อยู่นอกบ้าน หลีกเลี่ยงการกินอาหารในภัตตาคาร หวาดหวั่นขวัญผวาว่าจะมีคนแอบติดเครื่องดักฟังในบ้าน
วางกับดัก
นานวันเข้าพอลีนก็เริ่มท้อแท้ เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาตลอดเวลาได้อีกต่อไป พอลีนตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เมืองผิดแผกแปลกแยกกับแม่ของเธอ ลาออกจากงาน ขายบ้าน บอกเลิกความสัมพันธ์กับแฟน และย้ายไปยังเมืองแฮลิแฟกซ์เพื่อรอเวลาที่แม่จะมารับเธอไปอยู่ด้วย
ระหว่างรอคำตอบจากแม่ พอลีนพบรักกับเควิน เธอเล่าความลับในครอบครัวให้เขาฟัง เควินตกลงยินยอมจะไปอยู่ในเมืองคุ้มครองพยานกับเธอ ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1993 แต่ยังคงไม่มีคำตอบรับเข้าเมืองคุ้มครองพยานจากแม่
ในที่สุดพอลีนก็หมดความอดทน เธอวางแผนเร่งรัดการตัดสินใจโดยกุเรื่องบอกกับแม่ว่ามีคนงัดเข้ามารื้อค้นสิ่งของในบ้าน รูธบอกให้พอลีนใจเย็นๆ เธอขอไปปรึกษากับสแตนก่อน ไม่นานนักรูธโทรศัพท์กลับมาบอกว่าอย่าแจ้งความ เพราะไม่รู้ว่าตำรวจจะเป็นพวกเดียวกับคนร้ายหรือไม่
สแตนยังบอกด้วยว่า ก่อนหน้าที่คนร้ายจะบุกเข้าไปในบ้าน มีคนร้าย 2 คนแอบติดตามดูความเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลา พวกมันแอบถ่ายภาพเธอทุกอิริยาบถและได้บุกเข้าไปรื้อค้นหาสิ่งของบางอย่างภายในบ้าน
ที่แท้ก็โรคจิต
พอลีนรู้คำตอบในทันทีว่าเรื่องราวที่รูธและสแตนเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องแหกตา เพราะเรื่องคนร้ายบุกเข้ามาในบ้านเป็นเรื่องที่เธอกุขึ้นมาเอง พอลีนพยายามบอกกับแม่ว่ากำลังถูกสแตนปั่นหัว แต่รูธไม่เชื่อ ทั้งคู่โต้เถียงกัน พอลีนเชื่อว่าแม่ของเธอไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม รูธยังคงปักใจเชื่อสแตนมากกว่าลูกสาวตัวเอง
หลังจากนั้นพอลีนก็ให้กำเนิดบุตรสาว ทำให้เธอไม่มีเวลาไปใส่ใจกับรูธและสแตน จนกระทั่งในปี 2010 รูธป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย พอลีนและรูธจึงกลับมาใช้เวลาด้วยกันอีกครั้ง รูธยังคงมั่นใจว่าองค์กรอาชญากรรมยังตามล่าเอาชีวิตเธอและครอบครัว และเตือนให้พอลีนระวังตัวตลอดเวลา
พอลีนไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอจึงเชื่อเรื่องหลอกลวงนี้ และไม่เข้าใจว่าทำไมนักบวชสแตนจึงต้องหลอกแม่ของเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอไปอ่านพบบทความของนักจิตวิทยามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเกี่ยวกับผู้ป่วย “โรคหลงผิด” (Delusional Disorder) เธอจึงเดินทางไปปรึกษากับผู้เขียนบทความ
คำตอบที่ได้รับคือ สแตนและรูธมีอาการของผู้ป่วยโรคหลงผิด สแตนมีจิตที่เข้มแข็งกว่าจึงเป็นผู้ชี้นำรูธให้คล้อยตาม เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นตามจินตนาการของสแตนทั้งสิ้น วอร์เรนบิดาของพอลีนไม่ได้เป็นสมาชิกองค์กรอาชญากรรม เมืองผิดแผกแปลกประหลาดที่สร้างไว้คุ้มครองพยานไม่มีอยู่จริง
วอร์เรน ดากิน
พอลีนและสแตน
รูธ, พอลีน และเท็ดดี้
พอลีนในวัยสาว
เท็ดดี้และพอลีน
สแตนและรูธ
โรงแรมบลูเบิร์ด
พอลีนและลูกสาว
พอลีน ดากิน
You must be logged in to post a comment Login