วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โลกความจริง

On March 16, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

พรรคการเมืองน้องใหม่มาแรงอย่าง “อนาคตใหม่” ที่ประกาศตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยสายแข็งไม่ประนีประนอมกับแนวทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตยทุกรูปแบบ หากมองทางการตลาดถือว่าวางตำแหน่งของพรรคได้เหมาะเจาะเพราะจะทำให้เสียงจากประชาชนที่เบื่อแนวทางของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ แต่มวลชนกลุ่มนี้อาจมีไม่มากพอที่จะช่วยผลักดันให้พรรคอนาคตใหม่ประสบความสำเร็จบนถนนการเมืองจริงอยู่ว่าคนไทยส่วนมากรักในหลักการ แต่เวลาเดินเข้าคูหากาบัตรลงคะแนนเป็นคนละเรื่องกัน

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ชงเรื่อง นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(วิป สนช.)รับลูกรวบรวมรายชื่อ สนช.ยื่นตีความร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)

เห็นหน้าก็เห็นเป้าหมาย

การยื่นตีความครั้งนี้จะขยักไม่ยื่นครบทุกประเด็นที่นายมีชัยเสนอมาแต่จะยื่นเฉพาะประเด็นที่สนช.จะเข้าชื่อกันติดใจสงสัยว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ เพื่อห้อยติ่งเหลือเอาไว้ยามฉุกเฉินจำเป็น

ทั้งนี้ต้องรอดูว่า สนช.ที่ลงมติไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และไม่ได้ร่วมลงคะแนนซึ่งรวมได้ 41 คน จะมีใครร่วมลงชื่อตีความบ้าง หรือจะมีสนช.ที่ยกมือเห็นชอบไปแล้วเปลี่ยนใจมาเข้าชื่อยื่นตีความด้วย

แม้จะอ้างว่าการยื่นตีความเฉพาะร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ไม่ยื่นตีความร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.จะไม่ทำให้โรดแม็พเขยิบไปจากเดิมเพราะกว่าร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.ที่ถูกยืดเวลาออกไปอีก 90 วันหลังประกาศลงราชกิจนุเบกษามีผลบังคับใช้คงได้ข้อสรุปผลตีความร่างพ.ร.ป.การได้มาซึ่งส.ว.ออกมาก่อน

แต่ก็มีข้อยกเว้นเพราะหากผลตีความออกมาว่าขัดรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เวลาปรับแก้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ใหม่ ร้ายกว่านั้นหากผลออกมาชี้ว่าสิ่งที่ขัดเป็นสาระสำคัญของกฎหมายก็ถูกเทกระจาดทิ้ง ต้องไปเริ่มนับหนึ่งยกร่างใหม่ทั้งฉบับ

ถ้าพิจารณาจากข้อกฎหมายที่เขียนว่าจะมีเลือกตั้งส.ส.ได้ต้องมีส.ว.ให้ครบตามจำนวน 250 คนก่อน

วันเลือกตั้งส.ส.จะถูกขยับออกไปอีกหรือไม่คำตอบจึงอยู่ที่ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.และการคัดเลือกส.ว.ให้ได้ครบตามจำนวน

อย่างไรก็ตามแม้กำหนดวันเลือกตั้งยังไม่นิ่ง แต่ฝ่ายการเมืองก็ต้องแต่งตัวเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน

พรรคการเมืองเกิดใหม่อย่าง “อนาคตใหม่” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และพวก ถือว่าน่าจับตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศจุดยืนเป็นคู่แข่งทางการเมืองกับทุกพรรค ไม่เลือกสี ไม่เลือกข้าง ไม่ร่วมมือประณีประนอมกับแนวทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตยทุกรูปแบบ

หากมองทางยุทธศาสตร์ หรือมองในมุมการตลาดการเมืองถือว่าวางตำแหน่งของพรรคได้เหมาะเจาะ เพราะเลือกอยู่ในตำแหน่งที่ว่างกึ่งกลางระหว่างพรรคการเมืองเก่าที่มีอยู่

การประกาศไม่เอาทั้ง ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือเป็นความเสี่ยงที่กล้าหาญ เพราะมวลชนที่สนับสนุนทั้งสองฝ่ายมีอยู่ค่อนข้างมากและเป็นฐานคะแนนสำคัญทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์

เป็นที่ทราบกันดีว่าพรรคเพื่อไทยยังคงไม่พ้นร่วมเงาของดร.ทักษิณ และแนวทางของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมาแม้จะมีภาพลักษณ์เป็นพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตยแบบยึดหลักการสุดลิ่มทิ่มประตู แต่เป็นประชาธิปไตยสายอ่อนที่พร้อมประนีประนอม

แม้การประกาศเป็นพรรคประชาธิปไตยสายแข็งของพรรคอนาคตใหม่จะทำให้ได้เสียงจากประชาชนที่เบื่อแนวทางของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์

แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือมวลชนกลุ่มนี้อาจมีไม่มากพอที่จะช่วยผลักดันให้พรรคอนาคตใหม่ประสบความสำเร็จในถนนการเมืองได้

คนที่รักประชาธิปไตยด้วยรักปากท้องตัวเองด้วยเบื่อความขัดแย้งด้วย รักในตัวบุคคลที่พวกเขาชื่นชมด้วยน่าจะมีจำนวนมากกว่า

อนาคตของพรรคอนาคตใหม่จึงเป็นอะไรที่น่าจับตาว่าจะยืนหยัดอยู่บนถนนประชาธิปไตยแบบไทยๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้หรือไม่

จริงอยู่ว่าคนไทยส่วนมากรักในหลักการ

แต่เวลาเดินเข้าคูหากาบัตรลงคะแนนเป็นคนละเรื่องกัน


You must be logged in to post a comment Login