- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
รอมิถุนายน
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
เส้นทางเดินของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับสุดท้ายที่จะนำไปสู่การคืนอำนาจให้ประชาชนจัดเลือกตั้งทั่วประเทศ แม้จะเป็นไปตามขั้นตอนที่ทำได้ แต่มีความพิลึกอยู่พอสมควร เพราะดูเหมือนมีการทำงานสอดประสานกันเป็นอย่างดี เริ่มจากยกร่าง ปรับแก้ ลงมติเห็นชอบ ปรับแก้ ลงมติเห็นชอบ ส่งตีความ แม้ท่านผู้นำประกาศว่าช่วงเดือนมิถุนายนจะเรียกทุกพรรคการเมืองมาพูดคุย แต่เป็นการสอบถามว่าแต่ละพรรคมีแนวทางพัฒนาประเทศอย่างไร และเห็นว่าต่อไปฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องเดินไปด้วยกันเชื่อมต่อกันสลายขั้ว ไม่มีวาระคุยเรื่องเลือกตั้ง ถ้าเป็นคนคิดลึกหน่อยอาจเห็นรัฐบาลแห่งชาติลอยมาแต่ไกล และน่าสังเกตว่าเป็นการเรียกคุยช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับที่จะรู้ผลตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
รวดเร็วปานสายฟ้าแลบหลังนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งเรื่องถึงประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ยื่นตีความร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
สนช. ใช้เวลาหารายชื่อสนับสนุน 3 วัน ก็สามารถยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แล้ว โดยยื่นตีความเพียงแค่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หากต้องการให้ตีความ สนช. มีข้อแม้ให้พรรคการเมืองร่วมลงสัตยาบันยอมให้เลื่อนเลือกตั้งออกไปจากเดิม
นัยว่า สนช. ไม่อยากตกเป็นจำเลยสังคมว่าเป็นต้นเหตุให้เลื่อนเลือกตั้ง เพราะหากยื่นตีความโรดแม็พต้องถูกขยับออกไปจากเดิม 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย
จากนี้ต้องรอดูว่าผลการตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จะออกมาอย่างไร ประเมินคร่าวๆเร็วสุดน่าจะรู้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ช้าสุดไม่น่าเกินเดือนมิถุนายน
จะว่าไปแล้วเส้นทางของร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับสุดท้ายที่จะนำไปสู่การคืนอำนาจให้ประชาชนมีเรื่องพิลึกอยู่พอสมควร
ร่าง พ.ร.ป. เริ่มต้นจากการยกร่างของ กรธ. ที่ตามกฎหมายบอกให้เปิดรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ซึ่งระหว่างที่ยกร่างก็มีข้อเสนอแนะ ข้อท้วงติงออกมามากมาย
แต่ กรธ. ก็เดินหน้ายกร่างกฎหมายตามแนวคิดของตัวเอง โดยยืนยันว่ารับฟังความเห็นอย่างรอบด้านแล้ว
จากนั้นส่งเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม สนช. วาระ 1 ขั้นรับหลักการ ซึ่งที่ประชุมลงมติรับหลักการ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาแปรญัตติ ซึ่งก็คือขั้นตอนการปรับแก้ร่างกฎหมายเพื่อให้เกิดความรัดกุม
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการแปรญัตติแล้วก็ต้องร่างกฎหมายกลับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม สนช. เพื่อลงมติวาระ 2 ให้ที่ประชุมชี้ขาดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คณะกรรมาธิการปรับแก้มา จากนั้นลงมติวาระ 3 คือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้ร่างกฎหมายผ่านสภาออกมามีผลบังคับใช้
ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ได้ผ่านขั้นตอนนี้มาแล้วคือ สนช. เสียงข้างมากเห็นชอบให้ร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาออกมาบังคับใช้
หลังจากนั้นมีข่าวว่ามี สนช. ล็อบบี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือแย้งเพื่อให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สนช. กรธ. และ กกต. พิจารณาร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับอีกครั้ง
แม้ผู้เกี่ยวข้องจะปฏิเสธว่าไม่มีการล็อบบี้ให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความรอบคอบ
ในชั้นกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายมีการปรับแก้เนื้อหาบางเรื่อง เช่น ตัดกรณีให้จัดมหรสพหาเสียง ซึ่ง สนช. แปรญัตติแก้ไขเข้ามาใหม่
เมื่อคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาเสร็จก็นำร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุม สนช. อีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวจะลงมติคว่ำเพื่อยกร่างใหม่ แต่ในที่สุดร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับก็ผ่านความเห็นชอบด้วยเสียงเอกฉันท์
หลังจากลงมตินายมีชัยก็ทำหนังสือถึงประธาน สนช. ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.ป. ทั้ง 2 ฉบับว่ามีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่ง สนช. ก็ส่งตีความ แต่เป็นการตีความเฉพาะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ฉบับเดียว
ยกร่าง ปรับแก้ ลงมติเห็นชอบ ปรับแก้ ลงมติเห็นชอบ ส่งตีความ
คือเส้นทางของร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับสุดท้ายที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง
เป็นการทำงานสอดประสานแบบชงเองกินเองระหว่าง กรธ. กับ สนช. โดยที่ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง
ไม่ต่างจากคณะตลกที่แบ่งหน้าที่กันทำ มีตัวปูตัวตบเพื่อเรียกเสียงฮาจากคนดู
แม้ท่านผู้นำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประกาศว่าช่วงเดือนมิถุนายนจะเรียกทุกพรรคการเมืองมาพูดคุย
แต่ประเด็นพูดคุยเป็นเรื่องสอบถามทุกพรรคว่าจะมีแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างไร และเห็นว่าการเมืองไทยต่อไปฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องเดินไปด้วยกันเชื่อมต่อกันสลายขั้ว เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนเท่าเทียมทั่วถึง
ไม่มีวาระคุยเรื่องเลือกตั้ง
พร้อมขีดเส้นใต้ตัวโตๆประโยคที่ว่า “ฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องเดินไปด้วยกันเชื่อมต่อกันสลายขั้ว”
ถ้าเป็นคนคิดลึกคิดมากหน่อยอาจเห็นรัฐบาลแห่งชาติลอยมาแต่ไกล
และน่าสังเกตว่าเป็นการเรียกคุยช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับที่จะรู้ผลตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.
You must be logged in to post a comment Login