- อย่าไปอินPosted 23 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
แต่งงานเถอะนะคนดี
คอลัมน์: สันติธรรม “แต่งงานเถอะนะคยดี” โดย บรรจง บินกาซัน (โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 657 วันที่ 23-30 มีนาคม 2561)
การแต่งงานเพื่อเริ่มต้นชีวิตครอบครัวเป็นพิธีกรรมที่ศาสนาจัดให้แก่มนุษย์ ไม่เพียงเพื่อแยกมนุษย์ออกจากสัตว์เท่านั้น แต่ยังเป็นการทำให้ชายและหญิงที่เข้าสู่ชีวิตครอบครัวได้ยกระดับทางด้านจิตวิญญาณโดยมีความสุขทางเพศเป็นรางวัลตอบแทนด้วย
เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ สัตว์จะจับคู่ผสมพันธุ์กันโดยไม่มีพิธีใดๆ สมสู่กันแล้ว พอหมดฤดูอารมณ์อยากผสมพันธุ์ก็หมดไป แต่อารมณ์ใคร่ของมนุษย์ไม่มีฤดูกาล ถ้าจะปล่อยอารมณ์ใคร่เยี่ยงสัตว์ มนุษย์ก็จะสำส่อนยิ่งกว่าสัตว์ แต่อารมณ์ทางเพศเป็นสิ่งที่มนุษย์ตัดไม่ได้ เพราะมันเป็นโปรแกรมที่พระเจ้าใส่ไว้ในตัวมนุษย์ทุกคนมาแล้วเพื่อการรักษาและขยายเผ่าพันธุ์ ถ้าไปกำจัดมันมนุษย์ก็ไม่สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้
ดังนั้น ทางออกที่ถูกต้องอย่างมีเกียรติและสนองตอบความต้องการทางธรรมชาติของมนุษย์ก็คือการแต่งงานมีชีวิตครอบครัว
การแต่งงานอาจเริ่มต้นด้วยความรักใคร่ ก่อนแต่งงานชายหญิงที่เป็นคู่ครองกันต้องเข้าใจว่าการแต่งงานไม่ได้เป็นเพียงพิธีที่ทำให้การมีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นไปอย่างถูกต้องเท่านั้น แต่การใช้ชีวิตครอบครัวยังเป็นโอกาสให้คู่ครองได้ปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้มหาบุรุษประสบความสำเร็จ นั่นคือ ธรรมแห่งความรับผิดชอบ ความอดทน และการให้อภัย ซึ่งไม่มีสถานที่ใดที่จะปฏิบัติธรรมดังกล่าวได้ดีไปกว่าครอบครัว
ศาสนาจึงส่งเสริมการมีครอบครัว และพยายามทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องง่าย เพื่อให้การแต่งงานเป็นเกราะป้องกันการผิดประเวณีที่เป็นบาปใหญ่ในทุกศาสนา
เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปอยู่ที่ยัษริบ มุสลิมมีฐานะยากจน ผู้หญิงบางคนเสนอตัวแต่งงานกับท่านนบี แต่ท่านไม่ต้องการ สาวกคนหนึ่งจึงขออาสาเป็นเจ้าบ่าวแทน แต่บทบัญญัติของอิสลามกำหนดว่าผู้ชายคนใดจะแต่งงานต้องมีของขวัญให้แก่ผู้หญิงเพื่อแสดงถึงความจริงใจ แม้จะเป็นแหวนเหล็กสักวงหนึ่งก็ยังดี แต่กระนั้นสาวกของท่านไม่สามารถหาแม้แต่แหวนเหล็กได้ ท่านจึงถามชายหนุ่มที่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นว่าสามารถท่องจำกุรอานได้มากเพียงใด เมื่อสาวกหนุ่มคนนั้นท่องจำกุรอานให้ท่านฟังได้หลายตอน ท่านจึงถามผู้หญิงคนนั้นว่าพอใจจะแต่งงานกับสาวกหนุ่มผู้นี้ไหม
เมื่อฝ่ายหญิงเต็มใจตอบตกลง ท่านได้แต่งงานหญิงคนนั้นให้แก่สาวกหนุ่มของท่าน โดยใช้ความสามารถในการท่องจำคัมภีร์กุรอานเป็นของขวัญแต่งงาน
ปัจจุบันเมื่อโลกเจริญก้าวหน้า มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ การแต่งงานมิได้ง่ายดายเหมือนเมื่อก่อน เพราะหญิงสาวชาวอาหรับเรียกร้องของขวัญแต่งงานมากมายจนผู้ชายหลายคนไม่สามารถหามาได้ ดังนั้น ผู้ชายชาวอาหรับจึงออกไปหาเจ้าสาวต่างแดนในประเทศที่ยากจน เช่น ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ อุซเบกิสถาน หรือแม้แต่ไทย
เมื่อชายหนุ่มอาหรับออกไปแต่งงานกับหญิงสาวนอกประเทศมากขึ้น ปัญหาสังคมที่ตามมาในประเทศอาหรับก็คือ ชายหนุ่มบางคนติดโรคมาและถูกบังคับให้แต่งงานกับหญิงอาหรับด้วยกัน การแพร่เชื้อโรคจึงเกิดขึ้นในสังคมอาหรับ
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงชาวอาหรับจำนวนมากต้องนั่งอยู่บนคานกันเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนกับนกนางแอ่นเกาะสายไฟบนถนนสีลมในฤดูหนาว ปัญหาสังคมเช่นนี้เองที่ทำให้รัฐบาลประเทศอาหรับบางประเทศออกมาตรการห้ามคนในประเทศของตนแต่งงานกับหญิงต่างชาติเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล บางประเทศตั้งกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการแต่งงานโดยไม่คิดดอกเบี้ย แต่งแล้วค่อยผ่อนใช้คืน ถ้าหมดปัญญาผ่อนหนี้ รัฐบาลก็ยกหนี้ให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนของตน
ศาสนาเป็นเหมือนมาตรฐานวัดความสูงส่งและความตกต่ำของมนุษย์ ถ้ามนุษย์เพียงแค่รักษามาตรฐานที่ศาสนาวางไว้โดยปฏิบัติตาม มนุษย์ก็จะพบกับความเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้ามนุษย์ทำตัวต่ำกว่าศาสนา มนุษย์ก็จะพบกับความตกต่ำ
You must be logged in to post a comment Login