วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เหลือแค่‘ภาพ’?

On April 2, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การปรากฏตัวล่าสุดของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ได้รับความสนใจน้อยลงในไทย ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ทำให้อดีตนายกฯและพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องรักษาระยะห่างให้เหมาะสม ยิ่งหากไม่มีคนในตระกูลชินวัตรเข้าไปทำงานในพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคน้องใหม่แจ้งเกิดได้และแสดงบทบาทได้โดดเด่น ความสำคัญทางการเมืองของตระกูลชินวัตรจะค่อยๆลดลง หากยังไม่คิดปล่อยมือคงทำได้แค่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกภาพความทรงจำจากประชาชน กินบุญเก่า ไม่ให้หลงลืมนโยบายที่เคยทำและประสบความสำเร็จในอดีต “บุญใหม่” ที่จะกลั่นจากมันสมองออกมาเป็นนโยบายทำไม่ได้แน่ หากจะทำก็ไม่อาจเปิดหน้า เปิดตัวได้เหมือนในอดีตเพราะกฎหมายได้เขียนลงกลอนล็อกประตูกันให้พ้นจากการเมืองเรียบร้อยแล้ว

การปรากฏตัวของสองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมาไม่เพียงได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเปิดตัวหนังสือของนายฮาจิเมะ อิชิอิ รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการภายในของญี่ปุ่นทั้งหมด ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในแขวงชิโยดะ กรุงโตเกียว แต่ยังได้รับความสนใจจากคนในประเทศไทยด้วย

แน่นอนว่าการเดินทางไปตามคำเชิญครั้งนี้แม้จะเป็นงานเปิดตัวหนังสือ แต่สำหรับในไทยแล้วคงถูกมองไม่พ้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อจุดมุ่งหมายบางประการ

หากจะดูว่าการปรากฏตัวของสองพี่น้องอดีตนายกฯมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจุดมุ่งหมายนั้นคืออะไรและใครได้ประโยชน์จากการปรากฏตัวครั้งนี้

ถ้าพูดถึงผลประโยชน์จากการการปรากฏตัวของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ดูเหมือนจะมีอย่างเดียวคือทำให้มวลชนที่ยังรักและสนับสนุนเกิดความปลื้มปิติที่ได้เห็นคนที่เขาให้ความรักยังอยู่ดีมีสุขในต่างแดน ไม่น่ามีอะไรไปมากกว่านั้น

ส่วนคนที่ไม่รักไม่ชอบอาจมองว่าเป็นการเดินเกมการเมืองเพื่อกระตุ้นความรู้สึกเดิมๆของสาวกกองเชียร์ให้กลับมาให้ความสนใจกับพรรคเพื่อไทยในยามที่ต้องดำเนินการเช็กรายชื่อสมาชิกพรรคเพื่อยืนยันกับนายทะเบียนพรรคการเมืองตามคำสั่งคสช. 53/2560 ซึ่งต้องทำภายในเดือนเมษายน

ถามว่าทั้ง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ทำอะไรได้มากกว่านั้นหรือไม่

คำตอบคือไม่สามารถทำได้เพราะกฎหมายพรรคการเมืองใหม่เขียนห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของพรรคที่อาจส่งผลให้ถูกยุบพรรคได้

ภาพการเมืองเก่าที่เห็น “ทักษิณ” โฟนอินเข้ามาร่วมประชุมกำหนดนโยบายพรรคที่เรียกว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

การยกขบวนพากันบินไปพบอดีตนายกฯในต่างประเทศอย่างเปิดเผยก็ไม่สามารถทำได้ เพราะอาจกลายเป็นประเด็นนำไปสู่การยุบพรรค

ทั้ง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” และพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างที่เหมาะสม ซึ่งสังเกตุได้จากอดีตนายกฯรัฐมนตรีทั้งสองคนเลี่ยงที่จะพูดถึงพรรคเพื่อไทยโดยตรง หากจะพูดถึงการเมืองในไทยคงพูดได้แต่เพียงหลักการกว้างๆเท่านั้น

ดังจะเห็นได้จากไม่ค่อยมีปฏิกิริยาจากทั้งพรรคเพื่อไทยและฝ่ายคุมอำนาจออกมามากนักในการปรากฎตัวของสองอดีตนายกฯในครั้งนี้

ความน่าจะเป็นในอนาคตข้างหน้าคือ แม้จะมีการปรากฏตัวบ่อยขึ้นเพื่อเรียกภาพจำของประชาชนให้กลับคืนมาทั้งในเรื่องนโยบายและเรื่องอื่นๆ แต่ในทางเปิดเผยจะไม่พูดถึงการเมืองโดยตรงโดยเพราะในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย

ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ไม่อ้างอวดอ้างชื่อของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เรียกคะแนนได้ถนัดปากเนื่องด้วยกลัวส่งผลกระทบต่อสถานะของพรรค ซึ่งจะส่งผลให้ความน่าสนใจในการเคลื่อนไหวของสองอดีตนายกฯลดน้อยลงในทางเปิดเผย

ยิ่งถ้าไม่มีคนในตระกูลชินวัตรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำงานทางการเมืองในพรรคเพื่อไทย สองพี่น้องอดีตนายกฯก็น่าจะโลว์โปรไฟล์ตัวเองลงไปเรื่อยๆ

ยิ่งหากพรรคการเมืองเกิดใหม่สามารถแจ้งเกิดได้และแสดงบทบาทได้โดดเด่นกว่าถูกใจประชาชนมากกว่าพรรคเพื่อไทยความสำคัญทางการเมืองของตระกูลชินวัตรก็คงค่อยๆลดลงไปตามลำดับ

หากจะคิดวางมือก็เป็นเรื่องง่าย

แต่หากยังไม่คิดปล่อยมือเสียทีเดียวก็คงทำได้แค่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกภาพจำจากประชาชนกินบุญเก่าไม่ให้หลงลืมนโยบายที่เคยทำและประสบความสำเร็จในอดีต

“บุญใหม่” ที่จะกลั่นจากมันสมองออกมาเป็นนโยบายทำไม่ได้แน่ หากจะทำก็ไม่อาจเปิดหน้า เปิดตัวได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมาเพราะกฎหมายได้เขียนลงกลอนล็อกประตูกันให้พ้นจากการเมืองเรียบร้อยแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะมีการปรับแก้กฎหมายใหม่ แม้พรรคเพื่อไทยจะครองเสียงข้างมากในสภาก็คงเป็นเรื่องยากเพราะมีบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้วจากการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย


You must be logged in to post a comment Login