- ปีดับคนดังPosted 5 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
สอศ.ร่วมกับภาคีปตท.รณรงค์ชวนตรวจรถฟรี25รายการ
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดโครงการตรวจเช็คเครื่องยนต์ เพื่อประหยัดพลังงาน PTT Engine Tune Up 2018 หนึ่งในมาตรการ “เดินหน้าประเทศไทย ลดใช้พลังงาน” ของกระทรวงพลังงาน ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ปิโตรเลียมอเวนิว แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เพื่อร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกในการลดใช้พลังงาน และเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในการส่งนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ
สำหรับโครงการตรวจสภาพรถยนต์ฟรี เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขับขี่ โดยจะให้บริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ ระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟสัญญาณ ระบบห้ามล้อ และระบบส่งกำลัง จำนวน 25 รายการ ณ จุดให้บริการ จำนวน 138 แห่ง ทั้งในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. 57 แห่ง และศูนย์บริการ Fit Auto และ Pro Check อีก 81 แห่ง เพื่อสร้างความปลอดภัยและประหยัดพลังงานได้ตลอดทั้งปี
ดร.พีระพล พูลทวี ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า สอศ.ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในโครงการ PTT Engine Tune Up มาตรการประหยัดพลังงาน เพื่อประชาชนประจำปี 2561 ซึ่งสอศ.ได้มีส่วนร่วมดำเนินงานกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยความร่วมมือนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์ในการช่วยฝึกทักษะความชำนาญ และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีจิตอาสา นำความรู้ในวิชาชีพไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ตลอดจนสนองนโยบายรัฐบาลในการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ให้เห็นความสำคัญของการตรวจสภาพรถ เพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
สอศ.มีหน้าที่จัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ ในการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีสถานศึกษาสังกัดสอศ.ที่จัดการเรียนการสอนประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม สาขาวิชาเทคนิคเครื่องกล สาขาวิชาช่างยนต์ สาขาวิชาแมคคาทรอนิกส์ ฯลฯ ที่มีความพร้อมด้านบุคลากร พื้นที่ และวัสดุอุปกรณ์ เข้าร่วมดำเนินการในโครงการ PTT Engine Tune Up จำนวน 57 ศูนย์
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติของคนไทยที่ได้ริเริ่มให้มีโครงการบริการตรวจสภาพรถยนต์ฟรีแก่ประชาชน PTT Engine Tune Up ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสอศ.จัดส่งนักศึกษาจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาสังกัดสอศ.ทั่วประเทศ ให้ใช้เวลาว่างจากการปิดภาคเรียนให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ตลอดจนมีรายได้เสริม โดยจะให้บริการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ฟรี 25 รายการ ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ที่ตั้งอยู่บนถนนสายหลัก จำนวน 57 ศูนย์ ในพื้นที่ 32 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม – 5 เมษายน 2561
จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น จึงมีมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อประชาชนในการ.รณรงค์สร้างจิตสำนึกในเรื่องของการประหยัดพลังงานทั้งในเรื่องของไฟฟ้าและน้ำมัน และช่วยลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน และคาดว่าประชาชนจะนำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพตลอดปี 2561 ไม่น้อยกว่า 143,000 คัน และรถยนต์เก่าที่ผ่านการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์เป็นประจำทุก 6 เดือน จะสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้โดยเฉลี่ยร้อยละ 2-7 ของการใช้น้ำมัน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่าย และตระหนักถึงการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดอุบัติเหตุจาการขับขี่ ตลอดจนช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ เนื่องจากรถยนต์ที่ผ่านการตรวจสภาพ จะมีการปล่อยไอเสียลดลง รวมทั้งการให้ความรู้ในเรื่องการขับขี่อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน
ผู้ช่วยเลขาธิการกอศ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทีมงานสอศ.ที่ให้บริการจะเป็นครู และนักศึกษา จำนวน 399 คน (ครู 57 คน/นักเรียน /นักศึกษา 285 คน) แบ่งเป็น 57 ทีม ประจำสถานีบริการ สถานีบริการละ 1 ทีมๆ ละ 7 คน (ครู 1 คน / นักเรียน/นักศึกษา 5 คน / พนักงานขับรถ 1 คน) โดยคัดเลือกวิทยาลัยในแต่ละจังหวัดที่มีสถานีบริการปตท.ให้บริการ
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่เห็นความสำคัญของการจัดการอาชีวศึกษา และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ได้เข้าร่วมโครงการฯ ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์วิชาชีพ ความรู้ ทักษะ ความพร้อม ความเชื่อมั่น ให้กับครู และนักศึกษา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากตำราเรียนหรือในห้องเรียน โดยผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถที่เป็นพื้นฐานจำเป็นของอาชีพ ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มศักยภาพในการทำงาน และการนำความรู้ไปประกอบอาชีพต่อไป
You must be logged in to post a comment Login