- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ไม่ง่ายอย่างที่คิด
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
พรรคการเมืองใหม่ที่ซุ่มตั้งดูเหมือนกำลังเจอสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้อะไรๆไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้จะตั้งเป้าไม่สูงมากต้องการแค่ 25 เสียง ทั้งนี้เพราะการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงจากอดีตค่อนข้างมาก การที่อดีต ส.ส. จะย้ายสังกัดจึงต้องคิดเยอะกว่าแต่ก่อน ไม่ใช่มองแค่ผลประโยชน์ที่จะได้รับเฉพาะหน้า ยิ่งพรรคใหม่อาจเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจยิ่งต้องคิดหนัก หากไม่อยากตกขบวนอำนาจอาจใช้วิธีย้ายไปสังกัดพรรคใหม่หรือพรรคเก่าที่เล่นการเมืองแบบนกสองหัว เหยียบเรือสองแคม พร้อมเข้าข้างไหนก็ได้ไหลตามสถานการณ์ ไม่ตัดอนาคตตัวเองด้วยการเลือกยืนข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจน
พรรคการเมืองน้องใหม่ที่จะมาทำภารกิจอุ้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อวีซ่านั่งทับอำนาจหลังการเลือกตั้งยังแต่งตัวไม่เสร็จ
แม้ที่ผ่านมาจะมีการเคลื่อนไหวคึกคักพอสมควรทั้งในทางเปิดและทางปิด แต่ยังมีบางเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ลงตัว
“ยังหารือกันอยู่ มีกระบวนการหลายๆอย่าง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าสเปกคนในพรรคจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องผ่านการตกลงกันก่อน”
เป็นคำตอบจากนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรับเป็นแม่งานเรื่องนี้
อะไรที่ยังทำให้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไม่ได้
ถ้าฟังจากน้ำเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พอจับใจความได้ว่าการซ่องสุมกำลังน่าจะไม่ได้ตามจำนวนที่ตั้งเป้าเอาไว้
“ผมได้ยินมาว่าตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรียังเสนอให้หลายคน หลายพรรค เสนอตำแหน่งไม่ใช่กับเพียงตระกูลสะสมทรัพย์ แต่กับประชาธิปัตย์ก็เสนอเช่นกัน และคิดว่าเป้าหมายของพรรคนี้จะต้องได้รับเสียงพอสมควรในการทำงานในสภา อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25 เสียง”
คำกล่าวของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้แสดงให้เห็นปัญหาของการต่อรองที่จะต้องทำแบบยื่นหมูยื่นแมว ไม่ทำสัญญาปากเปล่า ไม่หวังน้ำบ่อหน้า ต้องเอาตำแหน่งมาแลกกับการยอมเปลี่ยนสีเสื้อย้ายค่ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่
ข้ออ้างของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นจริงหรือไม่คงต้องรอดูว่าหลังจากนี้จะมีการประกาศแต่งตั้งให้นักการเมืองคนใดหรือแกนนำกลุ่มใดมีตำแหน่งในรัฐบาลปัจจุบันเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม การเชื้อเชิญให้เปลี่ยนสีเสื้อโดยการเอาตำแหน่งมาล่ออาจไม่ง่าย หากนักการเมืองคนนั้นไม่ใช่ ส.ส. ผูกขาดในพื้นที่ของตัวเอง
ต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งว่า การเมืองหลังปรากฏการณ์พรรคไทยรักไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตค่อนข้างมาก เนื่องจากประชาชนหันมาให้ความสนใจกับพรรคการเมืองและผลงานที่ทำให้เห็นเป็นประจักษ์มากขึ้น ไม่ได้พิจารณาแค่ชื่อเสียงหน้าตาของผู้สมัครแต่เพียงอย่างเดียว
ดังนั้น การที่นักการเมืองจะเปลี่ยนสีเสื้อไปสังกัดพรรคใหม่เพื่อร่วมทำภารกิจต่อวีซ่าให้ “บิ๊กตู่” ย่อมต้องคิดหนักและตัดสินใจไม่ได้ง่าย หากว่าอดีต ส.ส. คนนั้นไม่ได้มีฐานเสียงที่แข็งแรงในพื้นที่ เป็น ส.ส. ผูกขาดติดต่อกันมาหลายสมัย
พวกอดีต ส.ส. ที่มาตามกระแสพรรคมีความเสี่ยงสูงที่ย้ายค่ายแล้วอาจไม่มีที่ให้นั่งในสภาหลังการเลือกตั้ง
ยิ่งการเมืองในอนาคตมีแนวโน้มไม่มีที่ให้ยืนสำหรับคนที่ไร้อุดมการณ์ ไม่มีความมั่นคงในจุดยืน ก่อนย้ายค่ายคงต้องตัดสินใจให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายมาสั่งกัดพรรคที่ประกาศสนับสนุน “บิ๊กตู่” เพราะไม่รู้ว่าเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจที่มีอายุสั้นทางการเมืองหรือไม่
แนวโน้มความน่าจะเป็นหลังจากนี้คาดว่าจะมีอดีต ส.ส. มาเปิดตัวเข้าสังกัดพรรคใหม่ไม่มาก
แต่หากไม่อยากตกขบวนอำนาจอาจใช้วิธีย้ายไปสังกัดพรรคใหม่หรือพรรคเก่าที่เล่นการเมืองแบบนกสองหัว เหยียบเรือสองแคม พร้อมเข้าข้างไหนก็ได้ไหลตามสถานการณ์และพลังต่อรอง
ไม่ตัดอนาคตตัวเองด้วยการเลือกยืนข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจน
การตั้งพรรคใหม่จึงไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ทั้งที่ใกล้ถึงฤกษ์เปิดตัวเต็มทีแล้ว
You must be logged in to post a comment Login