- อย่าไปอินPosted 15 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ยุคสาวหุ่นผอมเพรียว / โดย ศิลป์ อิศเรศ
คอลัมน์ : ร้ายสาระ
ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 27 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2561)
สมัยโบราณเชื่อกันว่าผู้ที่มีสุขภาพดีจะมีหุ่นตุ้ยนุ้ยเจ้าเนื้อ ต่อมาความเชื่อนี้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้าม เพราะสาวๆต้องการใช้ชีวิตอิสระ พวกเธอทำทุกวิถีทางให้มีรูปร่างผอมเพรียวเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตสนุกสนานแบบผู้ชาย
เป็นเวลาหลายร้อยปีหรืออาจนานนับพันปีที่ชาวยุโรปมีความเชื่อว่าผู้ที่มีสุขภาพดีจะมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ขณะที่แฟชั่นในสมัยนั้นนิยมการสวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายมิดชิดตั้งแต่คอลงมาถึงตาตุ่ม ทำให้รุ่มร่าม เดินเหินไม่สะดวก และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้การสวมใส่เสื้อรัดลำตัว (Corset) ตามแฟชั่นยุคนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสักเท่าไร
หลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 แนวความคิดเดิมๆที่ว่าผู้หญิงต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเริ่มผ่อนคลายลง ผู้หญิงสามารถออกนอกบ้านได้ตามลำพัง สามารถออกเดทไปงานเต้นรำได้โดยไม่ถูกติฉินนินทา แต่การไปไหนมาไหนตามลำพังในชุดที่รุ่มร่ามคงไม่สะดวกนัก แฟชั่นเสื้อผ้าจึงเปลี่ยนไปเป็นชุดที่เปิดเผยเนื้อหนังมากขึ้น และละเว้นการสวมใส่เสื้อรัดลำตัว
บทความในนิตยสารเริ่มพูดถึงผลเสียของการปล่อยเนื้อปล่อยตัวกินตามใจปาก เครื่องชั่งน้ำหนักกลายเป็นเครื่องใช้สามัญประจำบ้าน เพราะสาวๆจำเป็นต้องคอยระแวดระวังควบคุมน้ำหนักตัวเอง ผักสดกลายเป็นอาหารหลักของสาวๆที่ต้องการคุมน้ำหนัก
ผลกระทบสงคราม
แฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิงเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะของกินของใช้ในยามเกิดศึกสงครามหายากและมีราคาแพงมาก เครื่องแบบทหารหญิงถูกออกแบบให้ชายกระโปรงสั้นระดับหัวเข่าเพื่อประหยัดผ้า และทำให้คล่องตัวมากกว่าการสวมกระโปรงยาวลากพื้นตามแฟชั่นนิยม
ส่วนทหารหญิงอาสาสมัครที่ไม่ได้รับเครื่องแบบก็จะนำกางเกงของผู้ชายในครอบครัวมาแก้เพื่อสวมใส่ เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงนุ่งกางเกงยังไม่เป็นที่ยอมรับ ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงไม่มีกางเกง จนกระทั่งสงครามโลกสิ้นสุดลงสังคมจึงยอมรับผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นและกางเกง
นับเป็นก้าวแรกของการปฏิวัติการแต่งกายของผู้หญิง แต่ผลกระทบข้างเคียงที่ตามมาคือ ผู้หญิงไม่ได้มีผิวเรียบเนียนสวยเหมือนกันทุกคน โดยเฉพาะขนหน้าแข้งที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนหน้านี้ ปี 1915 บริษัทผลิตใบมีดโกนยิลเล็ตต์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Milady Decolletee มีดโกนสำหรับโกนขนหน้าแข้งคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ
การแต่งหน้าทาปากเข้มจัดที่เคยมองว่าไม่เหมาะสมก็เริ่มเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้หญิงทำงานนอกบ้าน แป้งรองพื้น อายไลเนอร์ มาสคาร่า กลายเป็นของจำเป็นสำหรับผู้หญิง ทศวรรษ 1920 จึงเป็นช่วงเวลาการปฏิรูปการแต่งกายของสาวจากหน้ามือเป็นหลังมือ รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นยุค Flapper
เน้นสูงยาว
พฤติกรรมการกินเป็นส่วนสำคัญของการรักษาหุ่นตามมาตรฐานความงามทุกยุคสมัย จากเดิมที่เคยนิยมสาวเจ้าเนื้อ อกโต สะโพกผาย เน้นอาหารเนื้อ นม ไข่ แต่พอมาถึงยุคปฏิวัติแฟชั่นหันมานิยมหุ่นผอมเพรียว พฤติกรรมการบริโภคจึงเปลี่ยนไป สาวๆหันมากินผักเป็นอาหารหลัก หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและไขมัน หลีกเลี่ยงการกินของหวาน
มาร์กาเร็ต โลว์ ทำการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของนักศึกษามหาวิทยาลัยสมิธในช่วงทศวรรษ 1920 พบว่าพวกเขาหลีกเลี่ยงการบริโภคมันฝรั่ง ซึ่งให้พลังงานสูง แต่เน้นการบริโภคมะเขือเทศและผักกาดแก้ว ขณะที่สาวๆทั่วไปเดินตามกระแสคำแนะนำดาราฮอลลีวู้ด วิธีลดน้ำหนักภายใน 18 วันด้วยการบริโภคเพียงแค่ส้ม องุ่น ขนมปังปิ้ง และไข่
อีวอนน์ บลู หนึ่งในดาราวัยรุ่นยุคนั้น กินแต่เพียงขนมปังทาเนยกับน้ำมะนาวทุกวัน ขณะที่คอลลีน มัวร์ ปฏิเสธการกิน มันฝรั่ง เนย และของหวานทุกชนิด การที่เหล่าดาราหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูงเพื่อรักษารูปร่างให้ผอมเพรียวตลอดเวลา เนื่องจากนิตยสารวงการบันเทิงมักจะเขียนบทความค่อนแคะเมื่อดาราคนนั้นๆมีน้ำหนักตัวเพิ่ม อย่างเช่นในกรณีของคลาร่า โบว์ ซึ่งถูกคอลัมนิสต์วิจารณ์อย่างหนักทุกครั้งที่เธอมีน้ำหนักตัวเพิ่ม
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
กระแสการควบคุมอาหารทำให้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการออกมาให้คำแนะนำวิธีการกินอาหารอย่างถูกวิธี ดร.วิลเลี่ยม เฮส์ แนะนำกับคนไข้ว่าให้เคี้ยวอาหารช้าๆ กินอาหารแค่จานเดียวต่อครั้ง และหลีกเลี่ยงอาหารมันเลี่ยน
ปี 1918 ดร.ลูลู ฮันต์ ปีเตอร์ ออกหนังสือแนะนำการบริโภคเพื่อสุขภาพด้วยวิธีการคำนวณปริมาณแคลอรีในอาหารแต่ละมื้อ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหนังสือเล่มแรกที่ให้ความสำคัญกับปริมาณแคลอรีเหมือนกับที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ดร.ลูลูแนะนำผู้อ่านว่าอย่าเชื่อคนในครอบครัวที่ชอบบอกให้กินเยอะๆ เพราะหากกินอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ อาหารส่วนเกินจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายและอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หนังสือ Diet & Health ของ ดร.ลูลู ติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดประเภทไม่ใช่นิยายในปี 1922
ดร.ลูลูยังเขียนคอลัมน์แนะนำด้านโภชนาการเป็นประจำลงในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้เธอเป็นหนึ่งในแพทย์ที่มีคนรู้จักและรักมากที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา
ผอมทางลัด
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติจริงกับการอ่านแตกต่างกันดังฟ้ากับเหว หลายคนได้อ่าน หลายคนรู้วิธี แต่มีน้อยคนนักที่สามารถทำได้ตามคำแนะนำ การออกกำลังกายและการบริโภคแต่อาหารเพื่อสุขภาพเป็นอะไรที่ทรมานเสียเหลือเกิน
ช่องว่างนี้ทำให้มีการนำผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนทางลัดออกมาจำหน่ายโดยไม่ต้องอดอาหารหรือออกกำลังกาย เช่น หมากฝรั่งลดน้ำหนัก เสื้อรัดลำตัวละลายไขมัน และยาระบายอย่างอ่อน แม้แต่บุหรี่ก็ถูกนำมาใช้เป็นยาช่วยไม่ให้อยากอาหาร
ปี 1928 บุหรี่ Lucky Strike ออกโฆษณาเชิญชวนให้สาวๆรักษาหุ่นด้วยการสูบบุหรี่ โดยใช้สโลแกน “รักษาหุ่นผอมเพรียวที่ใครๆก็ชอบด้วยการสูบบุหรี่ลักกี้แทนที่จะกินขนมหวาน” แม้แต่อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต นักบินหญิงคนแรกๆของโลก ก็ถูกนำมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สินค้า
ปี 1929 เกิดเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล่มสลาย แฟชั่นสาว Flapper ก็ล้มหายตายจากไปด้วย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยให้ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยกับสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่แนวคิดความงามแบบสาว Flapper รูปร่างผอมเพรียวยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
1.ทหารหญิงสวมกระโปรงยาวแค่หัวเข่า
2.คอลลีน มัวร์
3.คลาร่า โบว์
4.ชุด Flapper เอื้ออำนวยให้เต้นรำอย่างคล่องตัว
5.ใบมีดโกนยิลเล็ตต์ Milady Decolletee
6.คู่มือวิธีใช้มีดโกน Milady Decolletee
7.โฆษณาลดความอ้วนด้วยบุหรี่
8.อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต
9.ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล่มสลายในปี 1929
You must be logged in to post a comment Login