วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ลูกไหลเข้าทาง

On May 8, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การแห่บินไปพบ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ของอดีต ส.ส. ทั้งที่เป็นแกนนำและไม่ได้เป็นแกนนำพรรคเพื่อไทย แม้จะยังไม่เป็นความผิดแต่ถือว่าเปิดคางรอหมัดให้คู่ต่อสู้ทิ่มร่วงคาเวทีได้ แม้ในเร็ววันนี้จะยังไม่มีคนไปร้องให้สอบยุบพรรคเพื่อไทยฐานทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง แต่เชื่อว่าทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูด ทั้งของอดีตนายกฯและ ส.ส. หรือแกนนำพรรคถูกมอนิเตอร์ไว้หมดแล้ว เมื่อถึงจุดที่ต้องเอาชนะให้เด็ดขาดเชื่อว่าทุกการกระทำ ทุกคำพูด จะถูกใช้เป็นหลักฐานร้องเรียนให้ยุบพรรคแน่นอน

จับกระแสทิศทางการเมืองช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อใหญ่ๆในบ้านเราต่างนำเสนอข่าว บทวิเคราะห์ รายงานไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับปรากฏการณ์ “ดูด” ว่าทำท่าจะไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

แม้ตามข่าวจะระบุว่าตอนนี้ได้อดีต ส.ส. เข้าสังกัดแล้วไม่น้อยกว่า 70 ราย แต่กว่า 70 รายที่ได้มานั้นล้วนเป็นนักการเมืองแถว 2 แถว 3 เรียกว่าเป็นตัวสำรองในพรรคใหญ่ ไม่ใช่ตัวหลักที่มีบทบาทที่จะมาช่วยเพิ่มคะแนนเสียงที่นอกเหนือจากฐานเสียงของตัวเองได้

ส่วนตัวหลักที่ได้มาก็ล้วนแล้วแต่เป็นของใกล้หมดอายุ ภาพลักษณ์ไม่ดี คิวซีไม่ได้ ซึ่งการันตีคะแนนให้ได้เฉพาะในส่วนตัวเท่านั้น ไม่อาจช่วยเพิ่มคะแนนนิยมในภาพกว้างหรือช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ได้

ตามรายงานข่าวหรือบทวิเคราะห์ชี้ตรงกันว่า เมื่อไม่เป็นไปตามเป้าอาจพลิกไปใช้แผนสองคือ ทำสัญญาใจไม่ต้องย้ายพรรค ฝากให้อยู่สังกัดเดิมต่อไปเพื่อการันตีว่าได้ที่นั่งในสภาแบบชัวร์ๆ เมื่อเข้ามาแล้วค่อยเดินตามแผน “งูเห่า” ถึงวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็แหกมติพรรคไม่โหวตเลือกคนที่พรรคต้นสังกัดให้การสนับสนุนโดยไม่ต้องกลัวถูกขับออกจากพรรค เพราะเขียนกฎหมายเปิดช่องไว้แล้วว่าให้การตัดสินใจลงคะแนนในสภาเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องทำตามมติพรรค

เมื่อดูตามทิศทางข่าวแบบนี้จะเห็นว่ามีแผน 1 แผน 2 รองรับ

แต่คำถามคือ หากไม่เป็นไปตามแผน 1 แผน 2 จะมีแผน 3 หรือไม่

คำตอบคือมีแน่นอน

ถ้าสังเกตทิศทางข่าวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดีๆ คงพอมองเห็นแผน 3 รางๆผุดขึ้นมาก็เป็นได้

แผนที่ว่าคือ “ยุบพรรค”

อย่างที่ทราบกันว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีอดีต ส.ส. ทั้งที่เป็นแกนนำพรรคและไม่ได้เป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง ดร.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก แถมบางรายยังถ่ายภาพโชว์ลงสื่อสังคมออนไลน์เอาไว้เป็นหลักฐานชั้นดีด้วย

ที่น่าสนใจคือ ไม่มีปฏิกิริยาใดจากคนในกลุ่มอำนาจเกี่ยวกับการเดินทางไปพบ 2 อดีตนายกฯอย่างเอิกเกริกในครั้งนี้ แต่กลับมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจจากคนในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาพูดชี้โพรงให้กระรอกอยู่หลายครั้งว่าการแห่ไปพบ 2 อดีตนายกฯของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยอาจนำไปสู่การยุบพรรคได้

แม้คนในพรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าเป็นการไปพบปะในฐานะคนเคยทำงานร่วมกัน เป็นการเยี่ยมเยียนตามปรกติ ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง

แม้ว่า ดร.ทักษิณจะย้ำหลายครั้งในการพูดกลางวงงานเลี้ยงว่าที่พูดถึงการเมืองไทยเป็นการพูดในฐานะคนมีประสบการณ์

แต่การพูดของคนมีประสบการณ์ที่เชื่อมั่นว่ามีเลือกตั้งเมื่อไรจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลายได้มากกว่า 250 ที่นั่งในสภา ย่อมแสลงใจใครบางคน ที่หวั่นไหวอยู่แล้วว่าจะไม่ถึงเป้าก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นอีก

การออกมาพูดของคนใน กกต. ในทำนองว่า แม้การไปพบอดีตนายกฯของบรรดาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยยังไม่เป็นความผิด แต่มีความล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงที่จะถูกกล่าวหาหรือร้องเรียนได้ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะเป็นการครอบงำหรือชี้นำได้ เนื่องจากตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกกระทําการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม จึงอยากให้ศึกษาข้อกฎหมายให้มากๆ เพราะกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่มีเนื้อหามาก นักการเมืองและพรรคการเมืองจำเป็นต้องศึกษาข้อกฎหมายต่างๆให้ดีและรอบคอบ

ชี้โพรงกันขนาดนี้แม้ในเร็ววันนี้จะยังไม่มีคนไปร้องให้สอบพรรคเพื่อไทยทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง แต่เชื่อว่าทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูด ทั้งของอดีตนายกฯและ ส.ส. หรือแกนนำพรรคถูกมอนิเตอร์ไว้หมดแล้ว ดีไม่ดีอาจมีบันทึกคำพูดที่มากกว่าสื่อนำเสนอด้วย

ถึงไม่ชอบเล่นการพนัน แต่ร้อยหนึ่งเอาขี้หมากองเดียว เชื่อว่าทุกการกระทำ ทุกคำพูด จะถูกใช้เป็นหลักฐานร้องเรียนยุบพรรคแน่หากแผน 1 แผน 2 ไม่เป็นไปตามเป้า


You must be logged in to post a comment Login